ไปแล้วไม่ไปลับ
กลายเป็นสองประเด็นข่าวร้อน กรณีแรก เชยองซุก หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้
โดย...ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว
กลายเป็นสองประเด็นข่าวร้อน กรณีแรก เชยองซุก หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้ ซึ่งตกเป็นข่าวซ้อมนักกีฬาก่อนบินกลับประเทศเกาหลีใต้ไปแล้ว
และกรณีที่สอง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติ 7 ต่อ 0 ชี้มูลความผิดทางอาญาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว แต่ได้ขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางทัวร์ยุโรประหว่างวันที่ 20 ก.ค.10 ส.ค.
แม้จะเป็นคนละเรื่องคนละกรณี แต่ได้รับการไถ่ถามให้ควั่กว่าบุคคลทั้งสองไปแล้วไปลับหรือยังคิดถึงเมืองไทย
กรณีของ เชยองซุก ปลุกปั้นนักกีฬาไทยหลายต่อหลายรายก้าวสู่ความสำเร็จบนเวทีเทควันโดระดับโลก บรรดานักกีฬาล้วนยอมรับโค้ชต่างชาติรายนี้ที่ทุ่มเทฝึกสอน มีระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับสมาคมเทควันโดเล็งเห็นความสำคัญ เนื่องจากระยะเวลาอันใกล้นี้มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่รออยู่ ไม่ว่าจะเป็นเอเชียนเกมส์ โอลิมปิกเกมส์ จำเป็นอย่างยิ่งที่นักกีฬาต้องได้รับการฝึกซ้อมต่อเนื่องถึงขั้นผู้หลักผู้ใหญ่สมาคมฯ เตรียมบินไปเจรจาขอให้ เชยองซุก กลับมาฝึกซ้อมนักกีฬาไทยต่อไป
ขณะที่การเตรียมเดินทางไปต่างประเทศของ ยิ่งลักษณ์ แม้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ท้วงติง คสช.ไม่ควรอนุญาต แต่ถ้าพิจารณากระบวนการดำเนินคดีหลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูลยังต้องส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ถ้าไม่ฟ้อง ป.ป.ช.ฟ้องเองต้องนำสำนวนไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรียกได้ว่าใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน จึงไม่มีเหตุให้ ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจหนีคดีในช่วงนี้
ทุบโต๊ะทั้งสองกรณีได้เลยว่า ถึงอย่างไรต้องกลับมาสะสางภารกิจของตัวเองที่เมืองไทยอย่างแน่นอน


