เวียดนามโตระเบิด GDP 8.2% ฝ่าดงกำแพงภาษีทรัมป์ ผงาดดาวเด่นเอเชีย
เจาะลึกเศรษฐกิจเวียดนาม 2025 ทำไมยังแกร่งแม้เจอภาษีทรัมป์ เผย GDP โตระเบิด 8.2% พร้อมกลยุทธ์การทูตที่ทำให้รอดพ้นวิกฤตสงครามการค้า
KEY
POINTS
- แม้จะมีความกังวลเรื่องภาวะถดถอยจากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ แต่เศรษฐกิจโลกยังคงมีความยืดหยุ่น โดยเฉพาะเวียดนามที่เติบโตได้อย่างน่าประทับใจ
- เวียดนามผงาดเป็นดาวเด่นแห่งเอเชียด้วย GDP ไตรมาส 3 ที่พุ่งสูงถึง 8.2% และยอดส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ทำสถิติใหม่ สะท้อนให้เห็นว่าเวียดนามสามารถปรับตัวและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้มหาศาล แม้จะถูกเพ่งเล็งเรื่องดุลการค้า
- ทิศทางของเวียดนามในปี 2026 จะเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงแนวโน้มการค้าโลก หากเวียดนามสะดุด นั่นอาจหมายถึงสัญญาณอันตรายของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม
ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลกกำลังสร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะกรณีของ "กำแพงภาษี" ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มบังคับใช้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเดิมทีถูกมองว่าเป็นระเบิดเวลาที่จะฉุดเศรษฐกิจโลกสู่ภาวะถดถอย
แต่ผลลัพธ์กลับตาลปัตร ประเทศที่ดูเหมือนจะเปราะบางที่สุดอย่าง "เวียดนาม" กลับไม่เพียงแค่เอาตัวรอด แต่ยังสร้างผลงานการเติบโตทางเศรษฐได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
เวียดนามฝ่าดงกำแพงภาษีทรัมป์ ผงาดดาวเด่นเอเชีย
เส้นทางของเวียดนามภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ คือกรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดของมหากาพย์ สงครามการค้า
ปัจจุบันชะตากรรมของเวียดนามผูกโยงกับระบบทุนนิยมโลกจนแยกไม่ออก และหากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะทรุดตัว เราน่าจะได้เห็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าจากฮานอยเป็นแห่งแรก
ในทางทฤษฎี การเติบโตของเวียดนามควรจะสะดุดลงจากการกีดกันทางการค้า แต่รัฐบาลฮานอยกลับเดินหน้ายุทธศาสตร์ดึงดูด ห่วงโซ่อุปทาน ทั้งสินค้าเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และเทคโนโลยี
โดยถอดบทเรียนความสำเร็จจากจีนและตลาดเกิดใหม่ จนทำให้ GDP ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดและคุณภาพชีวิตประชากรดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ความสำเร็จดังกล่าวนำมาซึ่งการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มหาศาล เป็นรองเพียงจีนและเม็กซิโก จนถูกจับตามองจากทำเนียบขาว จนนำไปสู่ข้อครหาที่ว่า สินค้าจีนใช้เวียดนามเป็น "ทางผ่าน" เพื่อส่งต่อไปยังสหรัฐฯ
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการลงทุนทางตรง (FDI) จากจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับเจ้าของโรงงานจากตะวันตกต่างมองหาฐานการผลิตใหม่แบบ "China Plus One" ทำให้เวียดนามกลายเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุด
ตัวเลข GDP เวียดนามยังแข็งแกร่ง
แม้มาตรการภาษีเดือนเมษายนจะถูกออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นโมเดลนี้ แต่เวียดนามยังคงยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ตัวเลขส่งออกเดือนพฤศจิกายนจะต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงน่าประทับใจ
- ยอดส่งออกไปสหรัฐฯ: 11 เดือนแรกพุ่งขึ้น 27% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ภาคการผลิต: เดือนพฤศจิกายนขยายตัว 12% เมื่อเทียบรายปี
- GDP ไตรมาส 3: โตระเบิดที่ 8.2% เทียบเท่าอินเดีย และใกล้เคียงเป้าหมาย 10% ของรัฐบาล ทำให้เวียดนามกลายเป็นดาวเด่นของเอเชียตะวันออกอย่างแท้จริง
อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เศรษฐกิจเวียดนามโตแบบฉุดไม่อยู่คือความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจโลก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ GDP โลกจะโตกว่า 3% ในปี 2025 ในขณะที่สหรัฐฯ ยังขยายตัวได้ 2%
ด้านสหประชาชาติ (UN) ระบุว่ามูลค่าการค้าสินค้าและบริการทั่วโลกจะแตะระดับสูงสุดที่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2024 ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเร่งสต็อกสินค้าเพื่อรับมือความกังวลเรื่องภาษี และเวียดนามคือผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากกระแสนี้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ “เกมการทูต” การเจรจาต่อรองของรัฐบาลเวียดนามที่เข้าหารัฐบาลสหรัฐฯ อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ อัตราภาษีลดลงจาก 46% เหลือเพียง 20% (ระดับปกติของภูมิภาคอาเซียน)
โดยแลกมาด้วยพันธสัญญาในการปราบปรามการถ่ายลำสินค้าเพื่อสกัดกั้นสินค้าจีนสวมสิทธิ์เวียดนาม
ทิศทางของเวียดนามในอนาคต แม้ความท้าทายยังคงมีอยู่ การระบุแหล่งกำเนิดสินค้าในห่วงโซ่อุปทานโลกที่มีความซับซ้อนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เวียดนามจำเป็นต้องรักษาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจนี้ไว้
เพื่อไล่ตามคู่แข่งในภูมิภาคอย่างไทยและมาเลเซีย ซึ่งเป้าหมายการเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงของเวียดนามจะสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อการค้าโลกยังดำเนินต่อไปโดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกต้องไม่รุนแรงมากจนเกินไปนัก
ทั้งนี้ หากต้องการวัดชีพจรเศรษฐกิจโลกปี 2026 ให้จับตาดูทิศทางของ "เวียดนาม" เพราะวันนี้มหาอำนาจการส่งออกแห่งอาเซียนรายนี้ ได้กลายเป็นตัวละครเอกที่ชี้ชะตาการค้าโลกไปแล้ว
อ้างอิง: Bloomberg


