ล้างป่าช้า
โครงการรับจำนำข้าวกลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะชี้ชะตารัฐบาลถึงขั้นอยู่หรือไป
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
โครงการรับจำนำข้าวกลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่จะชี้ชะตารัฐบาลถึงขั้นอยู่หรือไป
ทั้งหมดคงต้องรอฟังผลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะออกมาในรูปแบบใดด้วยใจระทึก
ทว่าแม้ ป.ป.ช. ยังไม่มีการชี้มูล แต่ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวปูดขึ้นมาให้เห็นยิ่งกว่าช้างตายทั้งตัว
นับตั้งแต่ผลขาดทุนที่ สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ระบุว่า ช่วง 2 ฤดูการผลิต มีผลขาดทุนจากการจำนำข้าวถึง 4 แสนล้านบาท
นอกจากนั้น ความเสียหายที่เป็นอยู่ยังหาจุดสิ้นสุดไม่ได้เสียด้วย
สาเหตุเนื่องจากข้าวที่อยู่ในสต๊อก ส่งออกไม่ได้เพราะราคาสูง จึงกลายเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นทั้งค่าฝากเก็บ ค่าปรับปรุงคุณภาพ
และที่สำคัญข้าวสารที่มีอยู่ทำท่าจะเน่าคาโกดัง เกิดฝูงมอดเข้าไปจัดการ
หลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหา ข้าวเน่า มีมอดเข้ามากัดกิน อาทิ ชาวบ้านดอนโพ หมู่ 6 ต.สนามชัย อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เดือดร้อนหลังกองทัพมอดบุกโกดังข้าวขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 20 ไร่ ตั้งอยู่ที่กลางหมู่บ้าน และชาวบ้านไม่กล้าร้องเรียนเพราะเกรงกลัวอิทธิพลมืด
ความเสียหายจากการจัดเก็บข้าวไว้นานๆ ยังเกิดมหกรรมล้างป่าช้า โดยที่ได้ทำไปแล้วก็คือการเอาไปบรรจุถุง ออกขาย และเมื่อขายไม่ได้ก็เอามาแจกจ่ายกับประชาชน
ยิ่งเฉพาะขณะนี้เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ ก็กลายเป็นช่องทางตัดบัญชีข้าวออกไป โดยเฉพาะมีข่าวทำนองว่าองค์การคลังสินค้า (อคส.) เตรียมเสนอให้ระบายข้าวถุงกว่า 3 แสนตัน หรือราว 73 ล้านถุง เอาไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
เหตุผลที่ต้องแจกเพราะข้าวเอาไปขายตามปกติไม่ได้ จึงต้องนำไปบริจาคน้ำท่วม ภายใต้ข้ออ้างว่า ยังพอกินได้อยู่
เรื่องทั้งหมดต้องเสนอคณะอนุกรรมพิจารณาระบายข้าว และมอบให้ สส.หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เอาไปแจกจ่ายต่อไป
แน่นอน วิธีที่ว่าถือเป็นสุดยอดของการทำลายหลักฐาน
เพราะเมื่อระบายข้าวออกไปแล้วก็ไม่รู้ว่าข้าวที่จำนำเข้ามาเป็นข้าวคุณภาพสูงหรือต่ำ พอไปใส่ถุง แจกออกไป ก็ถือว่าทุกอย่างยุติหมด และยังมาลงบัญชีได้อีกผลขาดทุนเกิดจากการช่วยเหลือประชาชน
นี่แหละ วงจรอุบาทว์ไม่สิ้นสุดที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว
เป็นการเสวยสุข กอบโกย จากเงินภาษีทั้งสิ้น