กฎหมายนิรโทษโดนสกรัม
ปๆมาๆจาก กฎหมายนิรโทษกรรม จะกลายเป็นกฎหมายถูกรุมสกรัมทุกทิศทุกทาง ไม่แต่กระแสต้านภายนอก ภายในจะหันมาถล่มกันเอง
โดย....อสนีบาต
พลันศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเสร็จสิ้น “รายการมาตามนัด” เปิดฉากแสดงทันที จะด้วยกลุ่มเสื้อแดง 29 มกราคม ออกมาเคลื่อนไหวทวงสัญญารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือจะเป็น 42 สส.เพื่อไทยเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมต่อประธานสภาให้บรรจุระเบียบวาระเข้าสู่การพิจารณา ขณะที่เจริญ จรรย์โกมลรองประธานสภาฯ ซึ่งรับบทคนกลางเชิญทุกฝ่ายหารือแนวทางนิรโทษกรรมรอบสอง
ประเมินขบวนการเคลื่อนไหวพาร่างกม.นิรโทษกรรมไปถึงฝั่งฝันจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ทั้งท่าทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายค้าน ไม่ได้ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้เร่งออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตรงกันข้าม กลุ่มคนเหล่านี้กลับมีมุมมองต่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้เป็นคำตอบให้เกิดความปรองดอง แต่ควรปล่อยให้เรื่องของคดีทางอาญาเป็นไปตามครรลองกระบวนการยุติธรรม
หากดูจากอารมณ์คนการเมืองในช่วงที่ เจริญ นัดหมายทุกฝ่ายมาร่วมหารือระยะแรก ต่างเห็นพ้องต้องกันในแนวทางนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง ส่วนผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา รวมไปถึงแกนนำผู้สั่งการไม่ได้รับการนิรโทษ
แม้แต่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ สุเทพเทือกสุบรรณอดีตรองนายกฯ เคยยืนยันไม่ขอรับการออก กฎหมายนิรโทษกรรม แถมจะไม่หลบหนีเหมือนนักโทษหนีคดีทุจริตบางราย แต่หากถูกฟ้องร้องต้องต่อสู้ถึงที่สุด ถูกก็ว่าถูก ผิดก็ว่าผิด เมื่อกระบวนการต่อสู้ทางคดีเดินไปตามแนวทางปกติ ตามสโลแกนเสมอภาคเท่าเทียมกันอย่างที่แกนนำคนเสื้อแดงมักเรียกร้อง มันก็ดีต่อทุกฝ่ายมิใช่หรือ
แล้วนี่พยายามสรรหากลวิธีให้มันยุ่งยากวุ่นวาย แม้เป็นการออก กฎหมายตามช่องทางที่มีให้ก็ตาม แต่ภายในสาระของกฎหมายที่คลุมเครือย่อมสร้างความหวาดระแวง จะมีรายการซื้อหนึ่งแถมสอง พ่วงให้นายใหญ่และเหล่าแกนนำวางบิลได้รับการปลดปล่อยไปด้วย เท่ากับจุดชนวนร้อนความวุ่นวายอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
สวนทางกับการเขียนหลักการและเหตุผลร่าง กฎหมายนิรโทษกรรม อันจะนำมาซึ่งความปรองดองอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์ของบ้านเมืองที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความสงบ ป้าแม้นลุงมีตาแย้มยายแจ่ม ต่างออกมาทำมาค้าขาย ไม่เห็นมีพวกไหน กลุ่มไหน ออกมาร้องแรกแหกกระเชอเผาบ้านเผาเมืองให้ชาวบ้านร้านตลาดอกสั่นขวัญแขวน จนต้องปิดร้านเผ่นหนีเมืองกรุงเหมือนในอดีต ขณะที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯผู้เลอโฉม ก็บริหารประเทศไปได้เรื่อยๆดีไม่ดีจะอยู่ครบวาระอีกต่างหาก
สภาพการณ์ของบ้านเมืองที่ดำเนินไปเยี่ยงนี้ ยังไม่ชอบอีกหรือ แต่กลับจุดชนวนร้อนดันกฎหมายนิรโทษ โดยอ้างว่า เพราะสังคมมีความขัดแย้ง ก็อยากให้ตรองดูสักหน่อย ใครกันกำลังจะจุดไฟความขัดแย้งรอบใหม่ เป่านกหวีดเรียกแขกให้คนออกมาเดินถนน
ยิ่งการออกตัวแรงของกลุ่มสส.เพื่อไทยยื่นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภา ยิ่งทำให้เกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจากฝ่ายที่อยากให้เกิดความสงบมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกำหนดการที่ เจริญ นัดพูดคุยรอบสองต้องกลายเป็นเวทีสนทนาธรรมระหว่างพวกเดียวกันเองไปโดยปริยาย
แม้รองประธานสภา "ผู้จำเริญ" อ้างว่าการเข้าชื่อของสส.เพื่อไทยเป็นเรื่องของสส. ไม่มีผลต่อการเปิดโต๊ะหารือ ตรงนี้มองได้สองมุม มุมแรก ไม่เกี่ยวจริงๆเพราะรู้กันดีเพื่อไทยไม่เป็นเอกภาพ ฝ่ายหนึ่งต้องการเอาใจคนเสื้อแดง ฝ่ายหนึ่งไม่เร่งรีบผลักดัน กฎหมายนิรโทษกรรม
แต่อีกมุม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ย่อมมีการมองเพื่อไทยกำลังเล่นบทสองหน้า ส่งผลไปถึงโต๊ะเจรจาปรองดองตามที่เจริญวางไว้ถูกตั้งข้อสังเกตมีความต้องการแสวงหาความปรองดองโดยบริสุทธิ์ใจจริงหรือ เพราะในขณะที่เจริญทำหน้าที่เจรจากันไป แต่อีกด้านก็เสนอกฎหมายกันไป
ทิ้งท้ายสักหน่อยสภาสมัยประชุมนิติบัญญัติจะปิดวันที่ 20 เม.ย. อีกทั้งอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีหยุดยาวซะด้วย จึงเหลือเวลาไม่มากนักที่จะพิจารณากฎหมายในสภา มีวาระค้างเติ่งอีกมาก โดยเฉพาะภายใต้บรรยากาศรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังสำราญกับการพัฒนาประเทศ ต้องเสนอร่างกฎหมายทางการเงิน ให้อำนาจกระทรวงคลังกู้เงินมาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท
ขั้นตอนจัดสรรงบก้อนมหึมาสร้างชาติมันกำลังไปด้วยดี รัฐบาลไม่อยากให้มีเรื่องวุ่นวายมาวอแว เรียกว่า “หมูเขาจะหามอย่าเอาคานเข้ามาสอด” ฉะนั้นแกนนำนักล่อเหยื่อเสื้อแดงพึงรับทราบ นาทีนี้ ไม่เอื้ออำนวย ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรรม
แต่หากเดินหน้าต่อ ไปๆมาๆจาก กฎหมายนิรโทษกรรม จะกลายเป็นกฎหมายถูกรุมสกรัมทุกทิศทุกทาง ไม่แต่กระแสต้านภายนอก ภายในจะหันมาถล่มกันเอง พลอยเดือดร้อนไปถึงคนแถวตึกไทยต้องบวมปูดไปด้วย