โพลพลังเงียบ
หากประชาชนออกมาใช้สิทธิถล่มทลายย่อมเป็นค่าวัดที่มีคุณภาพของจริงว่าเราต้องการผู้บริหาร กทม.แบบไหน
โดย....อสนีบาต
ศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)เข้าโค้งสุดท้ายอย่างแท้จริง ระหว่างนี้ผู้สมัครแต่ละรายมีไม้ตายอะไรต้องงัดออกมาใช้อย่างสุดฝีมือ
เหลือเวลาสัปดาห์เดียวสำหรับพี่น้องที่มีทะเบียนบ้าน อยู่ใน กทม.วงไว้ในปฏิทิน วันที่ 3 มี.ค. 2556 เตรียมไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่าให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) น้อยใจเชียว อุตส่าห์ขึ้นป้ายรณรงค์หวังให้ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 100 เปอร์เซ็นต์
การออกมาใช้สิทธิมากๆ มี ความสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเพราะเป็นหนึ่งสิทธิ หนึ่งเสียง ร่วมกำหนดอนาคตเมืองหลวงของประเทศ หากยึดความเชื่อเรามีสิทธิแค่หนึ่งเสียงทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้ผู้สนใจการเมืองไปใช้สิทธิ แค่คิดก็ผิดแล้วเพราะถ้าทุกคนคิดแบบนี้หมด ไม่ใช่แค่หนึ่งเสียงไม่ออกไปใช้สิทธิ แต่เป็นพลังเสียงจำนวนมากไม่แสดงออกทางการเมือง ย่อมเปิดโอกาสให้ขบวนการจัดตั้งเดินกลวิธีทั้งบนดิน ใต้ดิน ไปสู่เป้าหมายสะดวกโยธิน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โพลหลาย สถาบันสำรวจคะแนนความนิยมของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แม้จะอ้างดำเนินการตามหลักวิชาการ ยึดหลักจรรยาบรรณ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าก่อเกิดปรากฏการณ์สร้างกระแสโดยไม่รู้ตัว
นี่ยังดีที่ กกต. สั่งห้ามเผยแพร่การสำรวจความนิยมของผู้สมัคร ก่อนวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 7 วันแต่ช้าก่อน คำสั่งห้ามเผยแพร่ ตีความได้ว่าไม่สั่งห้ามทำ
แม้ล่าสุด ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพลออกมาแถลงไม่ทำเอ็กซิทโพล ด้วยการ อ้าง จะสร้างความสับสนทางการเมือง ไม่ต้องการชี้นำการเมืองในสถานการณ์การเมืองที่ยังมีความขัดแย้งสูง ก็แปลกเหมือนกับการให้เหตุผลเพื่อประกาศงดทำเอ็กซิท ความจริงเหตุผลเหล่าดังกล่าวมันควรออกมาตั้งแต่มีการเริ่มชิงชัยหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการงดทำโพลรายวันจะดีไม่น้อย
คนวงในต่างรับรู้ แม้ไม่ทำเอ็กซิทโพล แตก็มีการเก็บข้อมูลกันลับๆตลอด 7 วันเป็นที่เรียบ
ที่ผ่านมาขอตั้งปุจฉา ใครเห็นด้วยกับการทำโพลในลักษณะตั้งคำถามปลายปิด ช่วยยกมือขึ้น แต่... อสนีบาต...ไม่เห็นด้วย แทนที่จะสร้างคุณภาพประเทศด้วยคำถามปลายเปิด อาทิ อยากเห็นผู้ว่าฯ มีภาวะผู้นำอย่างไรบ้าง หรือ นโยบายอะไรที่ชาว กทม. ต้องการให้ทำโดยเร่งด่วน คุณคิดว่านโยบายแบบใดที่เป็นไปไม่ได้ หรือผู้สมัครผู้ว่าฯ เข้าใจกรอบอำนาจหน้าที่ตัวเองหรือฟุ้งเกินเหตุแล้วยังตัดสินใจเลือกหรือไม่ เอาอย่างนี่สิ สนับสนุนเต็มร้อย...เหอเหอ
อย่าลืมว่าสังคมไทย มักหลงอยู่กับกระแส ประเภทปากต่อปากบอกกันไป ไม่ค่อยเจียระไนตัวตนผู้สมัครอย่างลึกซึ้งมีให้เห็นดาษดื่น จึงจำเป็นยิ่งผู้มีสิทธิมีเสียงต้องออกมาชี้ผลการเลือกตั้งด้วยตนเอง
อีกประการ แม้จะสร้างกระแสชี้นำคนนั้นมาแรง คนนี้ตามติด แต่ค่าเปอร์เซ็นต์ที่ระบุถึงผู้ยังไม่ตัดสินใจ หรือพลังเงียบจะเลือกใคร ตรงนี้เป็นจุดพลิกผันได้นาทีสุดท้าย ถ้าออกมาใช้สิทธิแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามที่ กกต.รณรงค์หวังอยากให้เป็น ย่อมจะเป็นนิมิตหมายที่ดี ร่วมกันหาข้อสรุปต่อกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โพลแท้หรือโพลเทียม
นอกจากนี้ หากประชาชนออกมาใช้สิทธิถล่มทลายย่อมเป็นค่าวัดที่มีคุณภาพของจริงว่าเราต้องการผู้บริหาร กทม.แบบไหนยึดกระแสหรือยึดการพิจารณาผ่านความคิดของตัวเองอย่างถ้วนถี่ดีแล้ว
พลังเสียงของพี่น้องประชาชนสำคัญมาก อย่านอนหลับทับสิทธิ