posttoday

ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า

18 กุมภาพันธ์ 2556

ตลอดสัปดาห์นี้ สันทัด กรณี ขอชะแว้บไปปฏิบัติภารกิจเก็บเรื่องราวดีๆ มารายงานคุณผู้อ่าน ระหว่างนี้ คมนอกฝัก จึงประกาศภาวะฉุกเฉินยึดพื้นที่ไปพลางก่อน หุหุหุ

โดย...คมนอกฝัก

ตลอดสัปดาห์นี้ สันทัด กรณี ขอชะแว้บไปปฏิบัติภารกิจเก็บเรื่องราวดีๆ มารายงานคุณผู้อ่าน ระหว่างนี้ คมนอกฝัก จึงประกาศภาวะฉุกเฉินยึดพื้นที่ไปพลางก่อน หุหุหุ

วันนี้อยากจะชวนคุยถึงการอนิจกรรมของ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งก่อนอื่นต้องขอไว้อาลัยและแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมา ณ โอกาสนี้

เส้นทางชีวิตการเมืองของ เสธ.หนั่น นับว่าเป็นสัจธรรมประการหนึ่งเหมือนกันที่ทำให้คิดได้ว่า “ชีวิตคนเราก็มีเท่านี้จริงๆ”

เสธ.หนั่น เป็นนักการเมืองท่านหนึ่งที่เคยขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดและต่ำสุด สลับกันไปมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง

จุดสูงสุดที่ว่านั้น ไม่ใช่การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อยู่ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ผู้สร้างตำนานงูเห่าให้ท่าน “ชวน หลีกภัย” เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองเมื่อปี 2540

แต่ขาลงทางการเมืองก็มาเยือน เสธ.หนั่น หลังจากในปี 2543 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี

แม้จะพ้นโทษแบนแต่ก็ไม่อาจทนต่อแรงกดดันในพรรคประชาธิปัตย์ เลยตัดสินใจออกมาตั้งพรรคมหาชนเพื่อลงสนามเลือกตั้งในปี 2548

การทำงานในนามพรรคมหาชนนับเป็นความบอบช้ำที่สุดของพญาชาละวันเลยก็ว่าได้ เพราะได้ สส.ในสภาผู้แทนราษฎรแค่ 2 คน

แถม สส.ทั้งสองคนขอประกาศเอกราชไม่ขึ้นกับพรรคมหาชนเพื่อไปสนับสนุนพรรคไทยรักไทยเสียอีก

ยังดีที่ในการเลือกตั้งซ่อม สส.พิจิตร ในปีเดียวกัน “ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนช่วยกู้หน้ามาได้ แต่กว่าจะชนะเหนือพรรคไทยรักไทยได้ต้องแลกมาด้วยน้ำตาต่อหน้าคนพิจิตร

ปี 2550 เสธ.หนั่น ฝากชีวิตการเมืองช่วงบั้นปลายไว้กับ “บรรหาร ศิลปอาชา” คนที่เรียกว่าเพื่อนได้เต็มปากเต็มคำมากว่า 30 ปี

ชีวิตในพรรคชาติไทยของ พล.ต.สนั่น ไม่ได้หวือหวามากนัก ทว่าอย่างน้อยในฐานะพ่อคนหนึ่งก็ยังสามารถผลักดันลูกชายให้เป็นรัฐมนตรีตามรอยของตัวเองสมใจ

พร้อมกับฝากผลงานสุดท้ายเอาไว้ด้วยการเข้ามาเป็นผู้ประสานงานสร้างความปรองดอง

แม้จะถูกดูแคลนว่าเพ้อฝันไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้สังคมไม่ได้จดจำภาพ เสธ.หนั่น ในฐานะนักการเมืองที่นิยมรสไวน์เท่านั้น

ดังนั้น การจากไปอย่างสงบของ เสธ.หนั่น ในครั้งนี้คงจะเป็นเครื่องเตือนใจให้นักการเมืองหรือใครก็ตามที่เหลิงอำนาจกลับไปคิดว่าจะเลือกเอาระหว่างจะจากไปโดยฝากคุณงามความดีเอาไว้ให้คนรุ่นหลังชื่นชมหรือจะจากไปโดยให้คนด่าตามหลัง

เพราะอย่าลืมว่าไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า!!