ข่าวร้าย

มีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่อ่านแล้วน่าวิตก นั่นคือ ศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยถึงปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจการเกษตรปี 2556 ว่า จากการคาดการณ์ของธนาคารโลกปีหน้าราคาสินค้าเกษตรมีแนวโน้มลดลง

สาเหตุสำคัญเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น

ทั้งหมดส่งผลให้ประชาชนลดการบริโภคสินค้าเกษตรที่ไม่จำเป็น เช่น ไก่ ข้าว น้ำตาล และกระทบต่อราคาสินค้าที่ความต้องการลดลงตามกฎอุปสงค์อุปทาน

ขณะที่สินค้าที่ต่อเนื่องกับการแปรรูปยังพอไปได้ เช่น ยางพารา

ส่วนสินค้าเกษตรที่น่าเป็นห่วง คือ ปาล์มน้ำมัน ที่มีปัญหาเนื่องจากราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรัฐบาลต้องเตรียมหามาตรการรองรับในระยะยาว

ข่าวสั้นๆ แค่นี้ แต่กลับมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

เพราะอย่าลืมว่า การเกษตร คือภาคการผลิตที่ใหญ่สุดของประเทศไทย หากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำจะมีปัญหาตามมาแน่นอน โดยเฉพาะกระทบกับคนกลุ่มใหญ่สุดของประเทศ

นับตั้งแต่ข้าว ถ้าราคาในตลาดโลกลดต่ำลงในปีหน้า รับประกันได้ว่า ถึงขั้นคางเหลือง

ปัจจัยสำคัญเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จะกลายสภาพเป็นปัญหาดินพอกหางหมู

ในปีนี้รัฐบาลไปรับจำนำข้าวในราคาสูง แต่ทว่าไม่สามารถส่งออกได้ เนื่องจากราคาตลาดโลกลดต่ำลง จนข้าวล้นโกดังนับสิบล้านตัน

ข้าวที่อยู่ในโกดังก็ยังหาทางระบายไม่ได้ ความหวังมีเพียงให้ราคาข้าวในตลาดโลกขยับขึ้นมาบ้าง เพื่อจะระบายออกไปโดยไม่ขาดทุนมากนัก

แต่ทว่าถ้าปีหน้า ราคาข้าวกลับจะลดลงอีก โครงการรับจำนำก็ยังทำต่อ และเพิ่มปริมาณการรับจำนำมากขึ้น

ภาวะการขาดทุน รวมถึงสต๊อกข้าวมีหวังเพิ่มทบเท่าทวี โดยต้องเก็บข้ามปี หรือไม่ก็ต้องตัดใจยอมขายในราคาต่ำติดดิน

และคงไม่ผิดเท่าไรที่ยอดการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว จะเหยียบปีละกว่าแสนล้านบาท ไม่รวมค่าบริการจัดการต่างๆ อีกที่กระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน

ไม่เพียงแต่ปัญหาข้าวเท่านั้น แต่หากพืชผลการเกษตรอื่นๆ ราคาตกต่ำ ก็เหนื่อยเช่นกัน

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นให้เห็นก็คือราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ชาวสวนออกมาประท้วง และรัฐบาลก็ต้องกระโดดเข้ามาประกันราคา

ก็รัฐบาลทำตัวอย่างให้เห็นในการประกันราคาข้าว ประกันราคาปาล์ม ต่อไปหากสินค้าเกษตรใดราคาตก มีหวังปิดถนนประท้วงเป็นแน่

สุดท้ายรัฐบาลก็ต้องไปพยุงราคาทุกสินค้า จะไปเลือกช่วยบางอย่าง ฝนตกไม่ทั่วฟ้าได้อย่างไร

ปีหน้าสงสัยจะเหนื่อยหนัก

ถึงขั้นไข้ขึ้นคลุมโปง