มันมาแน่ๆ
ไม่ผิดความคาดหมายแม้แต่น้อย เมื่อกระทรวงพลังงานรายงานว่า การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยในปี 2555 จะทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ไม่ผิดความคาดหมายแม้แต่น้อย เมื่อกระทรวงพลังงานรายงานว่า การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงของไทยในปี 2555 จะทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
เฉพาะ 9 เดือนแรกของปี เรานำเข้าน้ำมันแล้ว 9.36 แสนบาร์เรล มูลค่ารวม 9.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 16.1%
นอกจากนั้น ในปีนี้ก็คาดว่าจะต้องนำเข้าก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี 1.7 ล้านตัน ทำลายประวัติศาสตร์เช่นกัน ด้วยมูลค่าทะลุ 5 หมื่นล้านบาท
ทั้งหมดไม่ผิดความคาดหมายแม้แต่น้อย
และในปีหน้า การนำเข้าน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติ ก็ตั้งท่าจะทะลุ ทำลายประวัติศาสตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีหยุด
สาเหตุก็เนื่องจากนโยบายที่ไปอุดหนุนอย่างไม่มีเหตุผล
นับตั้งแต่การลดภาษีสรรพสามิตดีเซลลงมา 5 บาท/ลิตร ทำให้เสียรายได้จากการลดภาษีเป็นแสนล้านบาท และยังทำให้เกิดการอุดหนุนรถยนต์ราคาแพงที่ใช้น้ำมันดีเซลอีก
ขณะเดียวกันรัฐบาลยังตรึงราคาก๊าซหุงต้ม จนทำให้เกิดการบิดเบือนด้านโครงสร้างราคา รถยนต์จำนวนมากหันไปใช้ก๊าซแทนน้ำมัน จึงทำให้ต้องนำเข้าก๊าซอย่างที่เป็นอยู่ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
การเอาก๊าซหุงต้มไปเติมในรถยนต์ มันไม่ต่างอะไรกับการเอาไม้สักไปเผาถ่าน เพราะสิ้นเปลืองเกินไปในแง่การใช้ทรัพยากร โดยที่รัฐบาลยังต้องควักเงินอุดหนุนอีก
และที่จะกลายเป็นสิ่งกระตุ้นการใช้น้ำมันอย่างไม่จบสิ้น คือ นโยบายรถยนต์คันแรก ที่มีถึง 5 แสนคัน โดยรถยนต์พวกนี้ต้องเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานทั้งสิ้น
รัฐบาลที่มีสติ ต่างพยายามที่จะลดการใช้พลังงาน และหันเหให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนแทน แต่ทว่ารัฐบาลของไทยกลับเร่งการใช้รถยนต์ส่วนตัว เน้นการเผาผลาญพลังงาน อย่างชนิดที่ไม่กลัวผลที่จะตามมา
รัฐบาลที่มีสติ จะต้องรณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงาน ทั้งที่เป็นเรื่องจำเป็นระดับประเทศและระดับโลก เพื่อสร้างค่านิยมที่ถูกต้องให้กับสังคม แต่ทว่ารัฐบาลของไทยกลับเพิกเฉย ไม่สนใจ กลับกระทำแบบสวนกระแส
และการใช้พลังงานลักษณะที่เป็นอยู่ จะสร้างผลกระทบตามมาทั้งด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเสียเปรียบดุลการค้า ปัญหาสังคม มลภาวะเป็นพิษ รถติด ฯลฯ
นโยบายพลังงานจึงเป็นเรื่องหมักหมม เป็นปมที่จะระเบิดขึ้นในอนาคต เหมือนกับนโยบายอื่นๆ ที่กำลังสร้างปัญหาอยู่
ความยากลำบากและวิกฤต กำลังไล่ล่าตามติดเข้ามาทุกวัน