ต้องยอมรับศาลโลก
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
เป็นสถานการณ์ร้อนที่ต้องจับตากันตลอดวัน เมื่อศาลโลกจะมีคำวินิจฉัยปัญหาระหว่างไทยกับเขมร
เขมรไปฟ้องร้องต่อศาลโลก ขอความคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยถอนทหารออกจากชายแดนแถบปราสาทพระวิหารที่มีข้อพิพาท และต้องการให้ตีความคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505
คำตัดสินครั้งกระโน้น ศาลโลกชี้ว่าตัวปราสาทพระวิหารเป็นของเขมร แต่ไม่ได้ตัดสินว่าดินแดนภายใต้ปราสาทเป็นของใคร
แน่นอน เขมรอยากให้ศาลโลกชี้ขาดดินแดนแถบนั้นเป็นของตัว
กระแสข่าวที่ออกมา การตัดสินของศาลโลกวันนี้จะมี 3 แนวทาง
1.ไม่รับคำร้องของเขมร
2.ให้ไทยถอนทหารออกไปจากพื้นที่พิพาท
และ 3.ให้ทั้งไทยและเขมรต้องถอยคนละก้าว อาทิ ถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท
เมื่อวานบังเอิญมีกระแสข่าวจากสำนักข่าวต่างชาติ ระบุทำนองว่า ท่าทีศาลโลกจะออกมาว่าให้ไทยถอนทหาร
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น หลายๆ คนออกความเห็น ถ้าให้ถอนทหารไทยไม่จำเป็นต้องยอมรับ เพราะศาลโลกไม่มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนไทย และไม่มีอำนาจชี้ขาดเรื่องดินแดน
พูดอีกก็ถูกอีก
แต่ทว่าถ้าศาลโลกมีคำตัดสินใดๆ ขึ้นมา แล้วเกิดประเทศใดประเทศหนึ่งไม่ยอมรับ เห็นทีจะมีผลเสียอย่างมหาศาล
สาเหตุสำคัญ แม้ศาลโลกไม่มีอำนาจบังคับก็จริง แต่กระบวนการพิจารณาคดีของศาลโลกจะเป็นตัวบังคับคู่กรณีทางอ้อม
เพราะศาลโลกจะตัดสินคดีความไม่ได้หากคู่กรณีไม่ยอมรับ ไม่ยอมนำคดีขึ้นศาลโลก
อย่างกรณีปราสาทพระวิหาร ทั้งไทยและเขมรต้องยอมรับว่าจะเอาเรื่องให้ศาลโลกตัดสิน ก็เท่ากับทั้งสองฝ่ายเชื่อถือในศาลโลก
ในกระบวนการพิจารณาคดี ศาลโลกยังให้แต่ละฝ่ายมาเบิกความ แสดงหลักฐานต่างๆ นั่นก็เป็นการตอกย้ำอีกว่า คู่กรณียอมรับในกระบวนการของศาลโลก ถึงมาเบิกความกัน
แต่พอตัดสินออกมา หากฝ่ายใดไม่ยอมรับ เท่ากับเป็นคนเกเร
และแม้ศาลโลกจะบังคับใครไม่ได้ แต่ถ้ามีคำตัดสิน ฝ่ายใดไม่ยอมทำตาม อีกฝ่ายหนึ่งสามารถกดดันผ่านเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้อีก
เมื่อถึงขั้นนั้น ใครเป็นคนเกเรเห็นทีจะย่ำแย่
ใครที่บอกไม่ต้องยอมรับคำตัดสินศาลโลก โปรดคิดใหม่ให้จงดี


