posttoday

"เดินเรือกลางคลื่นเศรษฐกิจ" บทเรียนตลาดทุนไทยก่อนเข้าสู่ปี 2569

31 ธันวาคม 2568

ตลาดหุ้นฝืนเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ยืนบนความเชื่อมั่น สัญญาณเตือนจาก ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงนักลงทุนก่อนเปิดศักราชใหม่ พ.ศ.2569

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นฝืนเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ยืนบนความเชื่อมั่น
  • สัญญาณเตือนจาก ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงนักลงทุนก่อนเปิดศักราชใหม่ พ.ศ.2569

ในวันที่คลื่นเศรษฐกิจซัดแรง
ไม่มีใครกล้ารับปากว่าตลาดหุ้นจะแล่นไปทิศทางใด

แล้วใครจะรู้! ความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย ปิดวันสุดท้ายของปีในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 แตะที่ 1,259.67 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด คิดเป็น +0.45% มูลค่าการซื้อขาย 32,518.33 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,260.47 จุด ลดลงต่ำสุด 1,251.35 จุด

ภาพ SETTRADE

ด้วยแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนนักลงทุนบัญชี บล. จำนวน 400.49 ล้านบาท ขณะที่แรงขายของสถาบัน ขายสุทธิ -208.89 ล้านบาท, ต่างประเทศ -48.57 ล้านบาท และรายย่อยในประเทศ -143.03 ล้านบาท

โดยเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นใหญ่ นำโดย หุ้น DELTA, SCB, KBANK, KTB และ PTT

ภาพ SETTRADE

ตลอด 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2568 ดัชนีหุ้นไทยลดลง -140.54 จุด คิดเป็น -10.04% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) 15,931,939.88 ล้านบาท

โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,390.88 จุด ในวันที่ 7 มกราคม 2568 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

มูลค่าการซื้อขายตลอด 1 ปี เฉลี่ย 40,493.55 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 74,536.25 ล้านบาท ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (วันที่ 3 มกราคม 2566 - 30 ธันวาคม 2568) ดัชนีลดลง -408.99 จุด คิดเป็น -24.51% โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,691.41 จุด ในวันที่ 10 มกราคม 2566 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

ด้วยมูลค่าการซื้อขายตลอด 3 ปี เฉลี่ย 45,558.19 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 114,246.35 ล้านบาท ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART / หุ้นไทย 3 ปี

แต่หากมองย้อนไป 5 ปีที่ผ่านมา (วันที่ 4 มกราคม 2564 - 30 ธันวาคม 2568) ดัชนีหุ้นไทยลดลง -189.68 จุด คิดเป็น -13.09% โดยดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,713.20 จุด ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 และลดลงต่ำสุดในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 แตะที่ 1,062.78 จุด

ด้วยมูลค่าการซื้อขายตลอด 5 ปี เฉลี่ย 59,200.83 ล้านบาท แตะขึ้นสูงสุด 175,296.31 ล้านบาท ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 และลดลงต่ำสุด 15,638.05 ล้านบาท ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568

ภาพ SETSMART / หุ้นไทย 5 ปี

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา "ตลาดทุนไม่ใช่เครื่องจักรที่ฝืนสภาพอากาศได้ หากเศรษฐกิจอ่อนแรง ตลาดก็ย่อมเคลื่อนไหวอย่างยากลำบาก"

แต่ในความผันผวนที่ควบคุมไม่ได้ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ต้องควบคุมให้ได้ นั่นคือ "ความโปร่งใสและความเป็นธรรม"

นี่คือภารกิจหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ใช่การทำให้ดัชนีขึ้น แต่คือการทำให้ระบบ "เชื่อถือได้" ให้ผู้ลงทุนมีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอสำหรับการตัดสินใจ ไม่ใช่การเดินเรือแบบปิดตาเสี่ยงดวง

ข้อมูลจากตลาดทุนไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนสถานการณ์ทั้งระบบ ตั้งแต่โครงสร้างผู้ถือหุ้น ไปจนถึงพฤติกรรมการลงทุน ซึ่งช่วยให้ภาครัฐสามารถออกมาตรการดูแลหรือสนับสนุนได้อย่างตรงจุด ไม่ใช่การหว่านยาไปทั่วทั้งระบบ

เมื่อ "ความเชื่อมั่น" คือ "หัวใจ"

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเดินหน้าสร้างกลไกตรวจสอบให้แข็งแรงขึ้น ผ่าน "โครงการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทจดทะเบียน (JUMP+)" ที่ไม่ใช่เพียงการตั้งกติกาใหม่ แต่เป็นการทดลอง ประเมิน และปรับปรุง เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งขณะนี้เริ่มได้รับความสนใจจากบริษัทขนาดใหญ่แล้ว

โครงการ JUMP+ คือ โครงการสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2568 เพื่อสนับสนุนและยกระดับบริษัทจดทะเบียนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มมูลค่า โดยมุ่งเน้น 3 แผนหลัก ได้แก่ แผนการเติบโตทางธุรกิจ (Business Growth Plan), แผนยกระดับธรรมาภิบาล (Governance Plan) และ แผนจัดการสิ่งแวดล้อมลดคาร์บอน (Climate Action Plan)

โดยบริษัทที่เข้าร่วมจะต้องจัดทำแผน 3 ปี และเปิดเผยความคืบหน้าต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน และทำให้ตลาดทุนไทยแข็งแกร่งขึ้น

"เดินเรือกลางคลื่นเศรษฐกิจ" บทเรียนตลาดทุนไทยก่อนเข้าสู่ปี 2569

ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เข้าร่วมโครงการ Jump+ แล้วจำนวน 110 บริษัท

กฎเข้าร่วมโครงการ ดังนี้

  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai
  • บริษัทไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF, NP, SP
  • บริษัทไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
  • บริษัทไม่ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ ภายในระยะเวลา 5 ปี ก่อนวันที่สมัคร*

เป้าหมายของ Jump+ และการผลักดันกลุ่มธุรกิจ New Economy ในปี 2569 ไม่ได้วัดจากคำโฆษณา แต่วัดจาก "ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้" ในระบบตลาดทุน

ระหว่างอยู่ในโครงการ บจ. ต้อง...

  • บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai
  • บริษัทไม่ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB, CS, CC, CF, SP* (*ในกรณีติดเครื่องหมาย SP บริษัทต้องดำเนินการแก้ไขเพื่อดำรงสถานะในโครงการ)
  • บริษัทไม่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน
  • บริษัทไม่ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ​*
  • บริษัทต้องมี CGR Rating ตั้งแต่ 3 ดาวขึ้นไป สำหรับการประเมิน CGR ประจำปี 2570 และ 2571

โดยบริษัทจดทะเบียนต้องดำรงคุณสมบัติข้างต้นตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ

ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์

"ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์" เปรียบการลงทุนในช่วงเวลานี้เหมือนการเดินเรือในวันที่พยากรณ์อากาศไม่นิ่ง คลื่นลมภายนอกอาจควบคุมไม่ได้ แต่การตรวจสอบความพร้อมของเรือ และการใช้เข็มทิศที่แม่นยำ คือสิ่งที่จะพาไปถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย

และเมื่อปี 2569 กำลังจะมาถึง ความไม่แน่นอนยังรออยู่ข้างหน้า ทั้งปัจจัยในประเทศอย่างการเลือกตั้ง การจัดตั้งรัฐบาล และแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก

บทเรียนสำคัญจึงไม่ใช่ "จะซื้ออะไร"
แต่คือ "จะลงทุนอย่างไร"

นักลงทุนถูกเตือนให้ใช้ "สติ" มากกว่าอารมณ์ เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานมั่นคงและปันผลสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการซื้อขายแบบเดย์เทรด (Day Trade) ซึ่งอาจกลายเป็นอันตรายในวันที่ตลาดผันผวนรุนแรง

หากเศรษฐกิจไม่แย่ลงกว่าเดิม นั่นอาจถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่การเดินเรือในปีใหม่ครั้งนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับความประมาท

เพราะในตลาดทุน
ผู้ที่รอด ไม่ใช่ผู้ที่เร็วที่สุด
แต่คือผู้ที่ มองเห็นทิศทาง และรักษาวินัยได้ดีที่สุด.

"เดินเรือกลางคลื่นเศรษฐกิจ" บทเรียนตลาดทุนไทยก่อนเข้าสู่ปี 2569

ข่าวล่าสุด

สปสช.แจงปรับแนวทาง 'หน่วยนวัตกรรม' เป็นโควต้ารายสัปดาห์ ด้วยข้อจำกัดงบประมาณ