BOI ไฟเขียว FastPass "บราสเคม สยาม" เร่งลงทุนโรงงานเอทิลีนชีวภาพแห่งแรกในเอเชีย เสร็จปี 2571
"บราสเคม สยาม" บริษัทร่วมทุนใน "เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) และ "Braskem" ได้รับเลือกจากบีโอไอเข้ามาตรการ Thailand FastPass เร่งเดินหน้าโครงการเอทิลีนชีวภาพรายแรกในเอเชีย กำลังผลิต 2 แสนตันต่อปี ดันไทยสู่ฐานผลิตพลาสติกชีวภาพระดับโลก ลดคาร์บอนกว่า 1 ล้านตันต่อปี
KEY
POINTS
- "บราสเคม สยาม" บริษัทร่วมทุนใน "เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) และ "Braskem"
- ได้รับเลือกจากบีโอไอเข้ามาตรการ Thailand FastPass เร่งเดินหน้าโครงการเอทิลีนชีวภาพรายแรกในเอเชีย กำลังผลิต 2 แสนตันต่อปี
- ดันไทยสู่ฐานผลิตพลาสติกชีวภาพระดับโลก ลดคาร์บอนกว่า 1 ล้านตันต่อปี
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC และประธานกรรมการ บริษัท บราสเคม สยาม จำกัด เผยว่า โครงการเอทิลีนชีวภาพถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ของไทยสู่ความยั่งยืน
ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชียและยุโรป ตลอดจนส่งเสริมการส่งออก ช่วยหนุนอุตสาหกรรมเอทานอล และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ บริษัทฯได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากภาครัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เช่น การพิจารณาอนุมัติให้จัดตั้งโรงงานเป็นเขตปลอดอากรประเภทอุตสาหกรรม หรือ Industrial Free Zone การได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) เป็นต้น ส่งผลให้โครงการมีความคืบหน้าตามลำดับ
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจากบีโอไอตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม. เศรษฐกิจ) ให้เป็นโครงการนำร่องในมาตรการ Thailand FastPass จะยิ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความคล่องตัวในการดำเนินโครงการให้ดียิ่งขึ้น
ปัจจุบัน "บราสเคม สยาม" เตรียมเข้าสู่ขั้นตอนสรุปรูปแบบการก่อสร้างโรงงาน (Engineering, Procurement and Construction : EPC) ในไตรมาส 1/2569 และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision – FID) ในช่วงไตรมาส 2/2569 หากขั้นตอนต่างๆ ลุล่วงตามแผน คาดว่าโรงงานจะแล้วเสร็จในปี 2571
ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรกนอกประเทศบราซิล ด้วยกำลังการผลิตเอทิลีนชีวภาพ 200,000 ตันต่อปี เพื่อผลิตเป็นเม็ดพลาสติกชีวภาพภายใต้แบรนด์ I’m green™
เอทิลีนชีวภาพผลิตจากเอทานอลที่ใช้ผลิตผลจากภาคเกษตรแทนเอทิลีนจากฟอสซิล ถือเป็นโซลูชันที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นลบ (Negative Carbon Footprint) ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิในบรรยากาศได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี
อีกทั้งสามารถรีไซเคิลได้เช่นเดียวกับพลาสติกทั่วไป สามารถนำไปผลิตบรรจุภัณฑ์และสินค้าในชีวิตประจำวันหลากหลายประเภท จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ผลิต เจ้าของแบรนด์ และผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันเพื่อความยั่งยืน
และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายการด้าน ESG ของ SCGC ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 700,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2573 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593.


