MMM จาก LiVEx สู่ mai เปิดเทรดวันแรก เท่าราคาเสนอขาย 5.50 บาท
“MMM” จาก LiVEx สู่ mai เปิดเทรดวันแรกเท่าราคาเสนอขาย 5.50 บาท พบ “สุขสันต์ ยศะสินธุ์” ซีอีโอ CHAYO ถือหุ้น 5 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.67% และ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ถือหุ้น 4 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.33%
KEY
POINTS
- หุ้น MMM ซึ่งย้ายจากตลาด LiVEx เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกในวันที่ 7 พ.ย. 2568
- เปิดการซื้อขายที่ราคา 5.50 บาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป (PO)
-
พบ “สุขสันต์ ยศะสินธุ์” ซีอีโอ CHAYO ถือหุ้น 5 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.67% และ “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ถือหุ้น 4 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.33%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (7 พ.ย.2568) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
MMM แตกต่างจากหุ้น IPO บริษัทอื่นๆ ตรงที่เคยเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 3 ล้านหุ้น และเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สำหรับธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลาง (SME) และวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) หรือตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เป็นรายที่ 4 ในช่วงเดือน ธ.ค.2566 ภายใต้ชื่อย่อ MMM23 มาแล้ว ดังนั้นการเข้าระดมทุนในครั้งนี้จึงเป็นรูปแบบการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO)
โดยเปิดที่ราคา 5.50 บาท เท่าราคาเสนอขาย PO
ล่าสุด เวลา 10.48 น. ปรับลดลง 0.05 บาท หรือคิดเป็นลดง 0.91% มาอยู่ที่ 5.45 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 208.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ MMM ประกอบธุรกิจตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทุกประเภทให้กับเจ้าของโครงการ รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ รวมไปถึงการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยนำอสังหาริมทรัพย์สภาพดีมาปรับปรุงเพิ่มเติมและจำหน่ายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ
MMM เสนอราคาขาย PO ที่ 5.50 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย
1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 52,200,000 หุ้น คิดเป็น 17.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้
2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ณัชชา โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 12,000,000 หุ้นคิดเป็น 4.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้
โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
1. เพื่อใช้วางเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) สัญญาการบริหารงานขายโครงการ (BU2) และสัญญาและบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid)
2. เพื่อใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3)
3. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 170.16 ล้านบาท 258.16 ล้านบาท และ 360.76 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 35.09ล้านบาท 47.74 ล้านบาท และ 80.76 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 340.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 63.30 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น พบว่า “สุขสันต์ ยศะสินธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ถือหุ้นอันดับ 5จำนวน 5,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.67% และ “อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” (ต๊อบ เถ้าแก่น้อย) ถือหุ้นอันดับ 9จำนวน 4,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.33%


