KTC โชว์กำไร 9 เดือน 5,707 ล้าน โต 2.8% ท่ามกลางความท้าทาย-เศรษฐกิจชะลอ
KTC อวดงบไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 1,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% ดัน 9 เดือนแรก กำไรสุทธิ โต 2.7% แตะ 5,707 ล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายและเศรษฐกิจชะลอตัว เดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์มยกระดับบริการ คุมเข้มคุณภาพสินทรัพย์
KEY
POINTS
- เคทีซีประกาศผลกำไร 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 5,707 ล้านบาท เติบโต 2.8% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
- การเติบโตมีปัจจัยหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงขึ้น และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
- บริษัทสามารถบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) โดยรวมลดลงอยู่ที่ 1.85%
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 1,951 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 5,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน
โดยยังรักษาฐานรายได้รวมไว้อย่างมั่นคง จากช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 6,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น
รวมทั้งการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายรวม 4,343 ล้านบาท ลดลง 4.0% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง ซึ่งเป็นผลจากการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากการบริหารเงินกู้ยืมที่สอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ
นอกจากนี้ ยังคงรักษาระดับเงินสำรองที่แข็งแกร่งและเพียงพอ ซึ่งสะท้อนได้จาก NPLratio ของกลุ่มบริษัท ไม่เกินกว่าอัตราที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังให้ความสำคัญกับการติดตามสภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง
นางพิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลง และอาจส่งผลต่อเนื่องถึงปี 2569 จากปัจจัยสำคัญของผลกระทบภาคการส่งออกจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ซึ่งความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจนี้ส่งผลให้อุตสาหกรรมสินเชื่อหดตัวลง และผู้บริโภคยังระมัดระวังการใช้จ่าย
ภายใต้ความท้าทายและปัจจัยกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในประเทศ เคทีซียังคงสร้างผลการดำเนินงานได้ดี จากการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมทั้งเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในทุกผลิตภัณฑ์หลักในช่วง 8 เดือน ของปี 2568 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปี 2567 ลูกหนี้บัตรเครดิตมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14.5% จาก 14.2% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13.4% จาก 12.8% และลูกหนี้สินเชื่อบุคคลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% จาก 4.0%
สำหรับความคืบหน้าในการประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัย (ประกันวินาศภัยและประกันชีวิต) ของเคทีซี ตามที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ขณะนี้บริษัทได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและนายหน้าประกันชีวิตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) รวมถึงได้แจ้งต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่านธนาคารกรุงไทยเกี่ยวกับการเพิ่มเติมการประกอบธุรกิจของบริษัทเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมงานในส่วนต่างๆ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต เพื่อให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายผ่านช่องทางต่างๆ ของเคทีซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นการนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของสมาชิกให้ตรงจุด ยกระดับการให้คำแนะนำและการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัย โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยและสิทธิประโยชน์แก่สมาชิกบัตร
เครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของเคทีซีเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย เคทีซีเริ่มดำเนินการประกอบธุรกิจนายหน้าประกันภัยในฐานะธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและรอบคอบ ควบคู่ไปกับการขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์และการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 เคทีซีมีฐานสมาชิกรวม 3,608,017 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,913 ล้านบาท ขยายตัว 0.7% อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ลดลงอยู่ที่ 1.85%
จำนวนสมาชิกบัตรเครดิต 2,903,481 บัตร เพิ่มขึ้น 5.3% เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,451 ล้านบาท ขยายตัว 0.5% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.15% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2568 มูลค่า 219,572 ล้านบาท ขยายตัว 3.8%
สมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 704,536 บัญชี เพิ่มขึ้น 2.5% เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 35,836 ล้านบาท ขยายตัว 3.0% NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.40%
ขณะที่มียอดสินเชื่อใหม่ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จำนวน 1,650 ล้านบาท ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด (KTBL) มีมูลค่า 1,627 ล้านบาท ลดลง 28.8% ซึ่งเคทีซีได้หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่
ในส่วนของแหล่งเงินทุน กลุ่มบริษัทมีเงินกู้ยืมรวมทั้งสิ้น 55,655 ล้านบาท (รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) แบ่งเป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 70% และเงินกู้ยืมระยะสั้น 30% (รวมส่วนของเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี) อัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอยู่ที่ 1.51 เท่า ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 1.78 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากเมื่อเทียบกับภาระผูกพัน (Debt Covenants) ที่กำหนดไว้ 10 เท่า สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นทางการเงินที่สูงในการขยายธุรกิจ รองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจในอนาคต และมีวงเงินสินเชื่อคงเหลือที่ยังไม่เบิกใช้ แบ่งเป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น 25,990 ล้านบาท
ในขณะที่มีภาระหนี้หุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดชำระในไตรมาส 4/2568 ทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ด้วยสภาพคล่องที่สูงกว่าภาระหนี้ที่ใกล้ครบกำหนด แสดงถึงสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ในระยะสั้นที่อยู่ในระดับต่ำมาก


