"88TH" เจ้าของ LYO-VER.88 ปักธงรายได้พันล้าน ท้าชนยักษ์ใหญ่ตลาด Hair Care
ท่ามกลางศึกเดือดในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม "88TH" เจ้าของแบรนด์ดัง LYO, Hone และ Ver.88 สร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยกลยุทธ์โตเฉลี่ย 30% ต่อปี วางเป้าหมายรายได้พันล้าน พร้อมลั่นระฆังเข้าเทรด mai เร็วๆนี้
KEY
POINTS
- ท่ามกลางศึกเดือดในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม "88TH" เจ้าของแบรนด์ดัง LYO, Hone และ Ver.88
- สร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยกลยุทธ์โตเฉลี่ย 30% ต่อปี วางเป้าหมายรายได้พันล้าน
- พร้อมลั่นระฆังเข้าเทรด mai เร็วๆนี้
ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่การแข่งขันดุเดือดและมีแบรนด์ต่างชาติยักษ์ใหญ่ครองพื้นที่ส่วนใหญ่ มีบริษัทสัญชาติไทยแห่งหนึ่งที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน นั่นคือ "บริษัท 88 (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH" เจ้าของแบรนด์ที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง LYO (ไลโอ)
วันนี้ "โพสต์ทูเดย์" เจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จและทิศทางในอนาคตที่น่าจับตา
แบรนด์ดังที่ปังทุกกลุ่ม
"88TH" ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ (Hair care) แบรนด์ LYO (ไลโอ), กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง (Skincare) แบรนด์ Hone (โฮน) และเครื่องสำอางค์ (Cosmetics) แบรนด์ ver.88 (เวอร์ 88)
- LYO (ไลโอ) ผู้นำตัวจริงในตลาด Hair Care ยึดหัวหาดคนผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะมีปัญหา
- Hone (โฮน) Skincare คุณภาพ จับตลาดคนรักผิวรุ่นใหม่ที่เลือกความจริงใจและคุณภาพ
- ver.88 (เวอร์ 88) Cosmetics สุดฮอต ขึ้นแท่น Must-have ของสาวไทย
สามแบรนด์นี้คืออาวุธลับของ 88TH ที่ทำให้บริษัทไม่ใช่แค่ "ผู้เล่น" แต่เป็น "ตัวจริง" ในวงการ Health & Beauty
แกร่งด้วยกลยุทธ์ "น้อยแต่มาก"
สิ่งที่ทำให้ 88TH โดดเด่นคือ "อัตราการเติบโตที่สูงถึง 30% ต่อปี" ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เคล็ดลับสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จนี้คือกลยุทธ์การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (NPD - New Product Development) ที่เน้น "คุณภาพมากกว่าปริมาณ"
ในแต่ละปีบริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพียง 2-3 รายการเท่านั้น แต่ทุกผลิตภัณฑ์ที่ออกมาล้วนผ่านการวิเคราะห์และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
เห็นได้จากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ 3 กลุ่มหลัก
- ผลิตภัณฑ์ลดผมร่วง (Anti-Hair Fall) เป็นสินค้ากลุ่มเฉพาะ (Niche Market) ที่มีราคาสูง แต่ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาจริงจังและยอมจ่ายเพื่อผลลัพธ์ ทำให้มีอัตรากำไรดีที่สุด
- ผลิตภัณฑ์ปิดผมขาว เปิดตัวในช่วงโควิด-19 ซึ่งผู้คนไม่สามารถไปร้านทำผมได้ ผลิตภัณฑ์นี้จึงตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยรูปแบบซองที่ใช้ง่ายและราคาที่เข้าถึงได้ทำให้กลายเป็นสินค้าสำหรับตลาดแมส (Mass Market) และสร้างยอดขายอย่างก้าวกระโดด
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เจาะตลาดผู้ที่ชื่นชอบส่วนผสมจากธรรมชาติ
"คุณณัฐ - ณัฐฐินี ชวนะนิกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 88TH ยอมรับว่ากลยุทธ์นี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "ทุกครั้งที่ 88TH ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสามารถสร้างการเติบโตระลอกใหม่ หรือ S-Curve ให้กับบริษัทได้เสมอ"
ความต่างสร้างความได้เปรียบ
ท่ามกลางคู่แข่งมากมาย 88TH สร้างจุดยืนที่แตกต่างด้วยการวางตำแหน่งตัวเองเป็น "ผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมครบวงจร" ขณะที่คู่แข่งส่วนใหญ่มุ่งเน้นเพียงผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น แชมพูสระผม หรือแชมพูปิดผมขาว แต่ 88TH มีความตั้งใจที่จะพัฒนาสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการเกี่ยวกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุง, ทรีตเมนต์ หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม
วิสัยทัศน์ของบริษัทคือการเป็น "แบรนด์ไทยที่สามารถยืนหยัดเคียงข้างแบรนด์ระดับโลก" บนชั้นวางสินค้าเดียวกัน และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
จุดแข็งทางการเงิน
88TH ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผลิตภัณฑ์ แต่ยังมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง
- การเติบโตชัดเจน: บริษัทมีการเติบโตทั้งในด้านยอดขายและกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง
- การบริหารจัดการต้นทุน: มีการลดค่าใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน
- บริษัทปลอดหนี้สิน: ตัวเลขทางการเงินที่เห็นคือตัวเลขจริงที่ไม่มีภาระหนี้สินมาบดบัง
- ยอดขายโปร่งใส: ยอดขายส่วนใหญ่มาจากการขายจริง มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นการฝากขาย ทำให้นักลงทุนมั่นใจในตัวเลขที่ปรากฏได้
วาดเป้าหมาย "พันล้าน"
ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและการวางแผนระดมทุนในอนาคต 88TH ตั้งเป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดหวังว่าน่าจะสามารถทำได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทเชื่อว่าการระดมทุนครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเติบโตไปพร้อมกับนักลงทุน
นอกจากนี้ แม้พันธมิตรทางธุรกิจคนสำคัญอย่าง "คุณหนุ่ม กรรชัย" ผู้ร่วมสร้างแบรนด์ LYO ให้เป็นที่รู้จัก จะไม่ได้ถือหุ้นในปัจจุบัน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าด้วยความมั่นคง โดยมองว่าทุกวิกฤติคือโอกาส ดังเช่นที่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ค้นพบตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์ปิดผมขาว
ทำไม 88TH เป็นหุ้นที่ไม่ใช่แค่ "แฟชั่น"
88TH ยืนยันว่าธุรกิจของพวกเขาไม่ใช่ธุรกิจตามกระแสที่มาเร็วไปเร็ว บริษัทดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี โดยเริ่มต้นจากเครื่องสำอางและสกินแคร์ ซึ่งยังคงเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตและมีฐานลูกค้าเดิมอยู่
จุดเด่นที่สุดคือการอยู่ในอุตสาหกรรม "ความงามที่จำเป็น" (Essential Beauty) ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ผู้คนยังคงต้องสระผมและดูแลเส้นผมของตนเอง ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (Everyday Use) และใช้แล้วหมดไป ทำให้เกิดการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง นี่คือเหตุผลที่ทำให้ 88TH มั่นใจว่าจะสามารถ "มาเพื่ออยู่" และเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
"คุณออย - นพรัตน์ มาลัยวงค์" ในฐานะผู้ก่อตั้ง และกรรมการ 88TH ยอมรับกับ "โพสต์ทูเดย์" เช่นกันว่า รู้สึกดีมากที่วันนี้ 88TH เตรียมตัวเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นับตั้งแต่ก่อตั้งปี 2015 เริ่มจากธุรกิจเครื่องสำอางค์ ตัวที่ดังคือแป้งติดน้ำมัน จนวันนี้มีทั้งลิปสติก กลุ่มเครื่องสำอางค์ครบ
จุดเปลี่ยนสำคัญคือปี 2020 เริ่มต้นไลโอ เป็นที่รู้จักและตอบโจทย์ตลาด ปี 2022 ในช่วงระหว่างโควิด-19 มองเห็นโอกาสที่คนออกจากบ้านไปร้านทำผมไม่ได้ เลยทำน้ำยาย้อมผมที่บ้านในราคาย่อมเยา พร้อมกับสร้างแบรนด์โฮน แอนตี้เอจจิ้ง ฝ้า ลดรอยเหี่ยวย่น ครีมกันแดด ฯลฯ
"บนเส้นทางการดำเนินธุรกิจกว่า 10 ปี เห็นโอกาสในตลาดออนไลน์ เข้าถึงสินค้าตลอด 24 ชม. ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือตอนไหนก็ซื้อสินค้าของบริษัทได้ วันนี้ทำการตลาดครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์"
พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง ถือเป็นอีกก้าวความสำเร็จสะท้อนผ่านผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีรายได้เติบโตเฉลี่ยกว่า 30% ต่อปี (CAGR) จาก 269 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 478 ล้านบาทในปี 2567 และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 13 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 56 ล้านบาทในปี 2567 ด้วยอัตรากำไรสุทธิ (NPM) 12%
"88TH" เคาะราคาไอพีโอ 5.45 บาท จำนวนไม่เกิน 59.5 ล้านหุ้น กำหนดให้จองซื้อวันที่ 25-26 และ 29 กันยายน 2568 พร้อมลั่นระฆังเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เร็วๆนี้
เงินที่ได้จากการระดมทุน "88TH" จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับโครงการในอนาคต เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อยอดธุรกิจ ในระยะ 3 ปี พ.ศ.2568-2571


