"สารัชถ์ รัตนาวะดี" ย้ำ GULF เติบโตไร้กังวล ฤกษ์ดี 8 เดือน 8 แจ้งงบ Q2/68
จับตา "กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)" ประกาศงบไตรมาส 2/2568 ฤกษ์ดีวันที่ 8 สิงหาคม 2568 โบรกฯคาดโชว์ฟอร์มเทพ! อวดกำไรทะลุ 6.3 หมื่นล้านบาท ดีล ADVANC ดันพุ่งกว่า 1,200%
KEY
POINTS
- จับตา "กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF)" ประกาศงบไตรมาส 2/2568 ฤกษ์ดีวันที่ 8 สิงหาคม 2568
- โบรกฯคาดโชว์ฟอร์มเทพ! อวดกำไรทะลุ 6.3 หมื่นล้านบาท ดีล ADVANC ดันพุ่งกว่า 1,200%
ตลาดเงินผันผวน พลังงาน และทิศทางดอกเบี้ยที่ยังคงกดดันเศรษฐกิจ แต่ "บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF" กลับเดินหน้าอย่างมั่นคง พร้อมส่งสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง
"สารัชถ์ รัตนาวะดี" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF เปิดเผยกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานกลุ่ม GULF ในช่วงที่เหลือของปี 2568 นี้ คาดว่าจะยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง เนื่องด้วยที่ผ่านมาถือว่าธุรกิจขยายตัวได้ดี
ถามว่า "สารัชถ์" กังวลต่อประเด็นใดในช่วงนี้เป็นพิเศษหรือไม่ ? คำตอบที่ได้กลับมาคือ "ตนไม่กังวลใจอะไรเลย" ก่อนส่งรอยยิ้มแล้วก้าวเดินจากไป
ก่อนหน้านี้ "โพสต์ทูเดย์" มีโอกาสได้สัมภาษณ์คุณสารัชถ์ถึงมุมมองการทำธุรกิจว่า GULF ปรับแผนธุรกิจตลอดเวลา ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดี หรือไม่ดีก็ตาม ด้านสภาพคล่องไม่มีปัญหา เพราะค่อนข้างที่จะระมัดระวังเรื่องสภาพคล่อง
สถานะการเงินมีการบริหารตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป บางช่วงอาจจะมีความขยายงานค่อนข้างมาก บางช่วงอาจจะพยายามชะลอการลงทุน
อย่างไรก็ดี บริษัทคงเดินหน้าธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ทั้ง พลังงาน, ถือหุ้นโทรศัพท์มือถือ , ดิจิทัล เป็นต้น ดังนั้นเป้าหมาย 5 ปีจึงเติบโตอย่างที่เป็นอยู่ พร้อมกับการขยายด้านนวัตกรรม(Innovation)เกี่ยวกับพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ไม่ใช่ไปทําอะไรที่ไม่ถนัด
และหาก Innovation พลังงาน เทคโนโลยี ทั้งพวก platform , ซอฟต์แวร์, AI จําเป็นจะต้องพึ่งพันธมิตรจากต่างประเทศ เพราะส่วนตัวมองว่าเรื่องเกี่ยวกับ application , AI , software มีผลค่อนข้างมากในการเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ.
จับตาแจ้งงบ Q2/68
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าในวันที่ 8 ส.ค.68 หุ้น GULF น่าจะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 แข็งแกร่งที่ 6.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,219% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน(YoY) และเพิ่มขึ้น 1,060% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ผลจากกำไรพิเศษครั้งเดียวของการประเมินมูลค่า ADVANC ในราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาด(bargain purchase)หลังรวมบริษัทครั้งล่าสุด 5.5 หมื่นล้านบาท และมีกำไร Fx ที่ 550 ล้านบาท
ขณะที่คาดกำไรหลักที่ 7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY และเพิ่มขึ้น 31% QoQ ทำให้กำไรหลักครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.84 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY คิดเป็น 47% ของกำไรหลักปี68 กำไรที่พุ่งขึ้นทั้ง QoQ และ YoY หลักๆมาจากการถือหุ้นเพิ่มใน ADVANC ขึ้นเป็น 40.44% จากเดิม 19% เงินปันผลรับ 950 ล้านบาท จาก KBANK และโรงไฟฟ้า IPP แข็งแกร่งขึ้น โดยค่า Ft อยู่ที่ 0.25 บาท/kWh ลดลง 0.11 บาท QoQ และ ลดลง 0.14 บาท YoY ราคาก๊าซธรรมชาติของโรงไฟฟ้า SPP อยู่ที่ 317 บาท/mmbtu ลดลง 14 บาท QoQ และลดลง 3 บาท YoY
ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 68-70 ขึ้น 277% / 25% / 23% เพื่อสะท้อนถึง gain on bargain ของ ADVANC ที่ 5.5 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/68 ไม่ใช่เงินสด และถือหุ้นเพิ่มใน ADVANC เป็น 40.44% จาก 19.1% ตั้งแต่ไตรมาส 2/68 ขณะที่กำไรหลักใหม่ปี 68 ของฝ่ายวิเคราะห์โตราว 42% YoY หนุนจากการถือหุ้น ADVANC เพิ่ม, capacity ใหม่ที่ 1.5GW นำโดยโครงการหินกอง Unit 2 ด้วย capacity 770 เมกะวัตต์ และผลงานโครงการ Jackson แข็งแกร่ง
ส่วนในระยะถัดไปคาดว่ากำไรหลักไตรมาส 3/68 จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ไม่ดีของโรงไฟฟ้า IPPs และ SPPs และไม่มีเงินปันผลรับจาก KBANK จากนั้นกำไรหลักไตรมาส 4/68 น่าจะเป็นพีคไตรมาสของปีตามช่วง high season ธุรกิจของ ADVANC
โดยฝ่ายวิเคราะห์ยืนคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเดิมที่ 54 บาท การรวมสัดส่วนการถือหุ้นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pay Lay ที่เพิ่มขึ้น เป็น 100% จากเดิม 40% SCOD ปี 2575 ซึ่งบวก 1 บาท/หุ้น ถูกกลบด้วยมูลค่าของ THCOM ที่ลดลง
"เรามองว่าธุรกรรม M&A ของ GULF ที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งหนุนจากแหล่งเงินทุนที่ต่ำลงและงบดุลแข็งแกร่งขึ้น น่าจะค่อยๆช่วยเพิ่ม ROE ในอนาคต ตอกย้ำถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งรายอื่น ทั้งนี้แม้ว่า P/E และ P/BV จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจาก ROE ที่ต่ำลงและการเติบโตที่ลดลง แต่แนวโน้มการเติบโตที่เหนือกว่าของ GULF ทำให้ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มโรงไฟฟ้า"
ค่าไฟลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว?
บล.บัวหลวง ระบุว่า การปรับลดค่าไฟรอบ ก.ย.–ธ.ค.68 เหลือ 3.94 บาท/หน่วย ต่ำกว่ารอบก่อนหน้า (4.15 ใน ก.ย.–ธ.ค.67 และ 3.98 ใน พ.ค.–ส.ค.68)สะท้อนการปรับสมมติฐานราคาก๊าซรวมลงเหลือ 295–304 บาท/MMBTU (-5–6%) โดยเป็นผลจากการใช้ก๊าซในประเทศสัดส่วนมากขึ้น และนำเข้า LNG น้อยลงจากดีมานด์ไฟฟ้าที่ลดลง
อย่างไรก็ตามสมมติฐานนี้ถือเป็นจุดสำคัญของการคงค่าไฟที่ระดับต่ำ และหากราคาก๊าซรวมสูงกว่าคาดอาจกดดันต้นทุนของทั้ง EGAT และ SPPs ซ้ำรอยต้นปี 2025 ที่ EGAT ไม่สามารถชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงได้ทัน ขณะที่กระแสกดดันให้ลดลงถึงระดับ 2.50–3.70 บาท/หน่วยเริ่มเงียบลง สะท้อนว่าสัญญาณจากภาครัฐก็รับรู้ถึงข้อจำกัดดังกล่าว
แต่กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP (BGRIM GPSC เป็นหลัก) จะเผชิญภาวะลำบาก หากราคาก๊าซลด ค่าไฟอาจถูกปรับลดเพิ่ม แต่หากราคาก๊าซขึ้น กำไรจะถูกบีบ ส่งผลให้กลุ่ม SPP ถูกจำกัด upside จากทั้งสองด้าน
แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 และ ไตรมาส 3/68 GULF เด่นสุด โดยคาดกำไรหลักไตรมาส 2/68 ที่ 6.64 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% QoQ จากกำลังผลิตใหม่และส่วนแบ่งกำไร ADVANC ขณะที่กำไรสุทธิจะพุ่งแตะ 6.34 หมื่นล้านบาท จากกำไรพิเศษการรวม INTUCH
ส่วนไตรมาส 3/68 คาดกำไรหลัก 7.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% QoQ จากโรงไฟฟ้าใหม่ทยอยเดินเครื่องต่อเนื่อง รองลงมา GPSC คาดกำไรหลักไตรมาส 2/68 ที่ 1.34 พันล้านบาท ลดลง 6% YoY และเพิ่มขึ้น 12% QoQ ที่เหลือ BGRIM, GUNKUL, WHAUP คาดกำไรลดลง YoY, QoQ
"เราแนะนำ GULF เป็นตัวเลือกเด่นในกลุ่ม จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 ที่เติบโตดี YoY และมีกำไรพิเศษจากดีล INTUCH รวมถึงพอร์ตธุรกิจที่หลากหลายและแผนขยายตัวระยะยาวทั้งในธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ส่วน GUNKUL เหมาะสำหรับนักลงทุนสาย value จากกำไรหลักที่มีโอกาสเติบโตเท่าตัวภายในปี 2030 และ valuation ที่ถูกเพียง 9 เท่า PER ปี 2569 พร้อมเงินปันผล 5-6% ทำให้มีความน่าสนใจในมุมมองระยะยาว"
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 59.50 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 2/68 ที่ 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% q-q และเพิ่มขึ้น 81% y-y เนื่องจาก NewCo เริ่มตั้งขึ้นวันที่ 1 เม.ย. อย่างไรก็ตามการเติบโตแข็งแกร่งจากแรงหนุนส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่สูงขึ้นจากสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มจาก 19% เป็น 40.44% นอกจากนี้คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษที่ไม่ใช่เงินสด 5.5 หมื่นล้านบาท จากการ Amalgamation
"เราคาด Sentiment ตลาดทั่วโลกที่เป็นลบจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ Bond Yield ปรับตัวลดลง ค่าเงินบาทแข็งค่าเทียบดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรง จะเป็นปัจจัยหนุนให้ GULF ปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดวันนี้"


