posttoday

SCGC ฝ่าคลื่นปิโตรเคมี! “ศักดิ์ชัย” นำทีมปรับแผนรับมือผันผวน-เร่งเปิดโรงงาน LSP

15 กรกฎาคม 2568

"ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ" ซีอีโอ SCGC พร้อมทีมบริหาร ดร.สุรชา อุดมศักดิ์-ชาตรี เอี่ยมโสภณา เดินหน้าเพิ่มศักยภาพธุรกิจสู้แรงเหวี่ยงตลาดปิโตรเคมีผันผวน-แข่งเดือด ชูธงผลิต HVA-พอลิเมอร์รักษ์โลก-ดิจิทัลซัพพลายเชน พร้อมเดินเครื่องโรงงาน LSP เวียดนาม ปลายเดือน ส.ค.นี้

KEY

POINTS

  • "ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ" ซีอีโอ SCGC พร้อมทีมบริหาร ดร.สุรชา อุดมศักดิ์-ชาตรี เอี่ยมโสภณา เดินหน้าเพิ่มศักยภาพธุรกิจ
  • สู้แรงเหวี่ยงตลาดปิโตรเคมีผันผวน-แข่งเดือด
  • ชูธงผลิต HVA-พอลิเมอร์รักษ์โลก-ดิจิทัลซัพพลายเชน พร้อมเดินเครื่องโรงงาน LSP เวียดนาม ปลายเดือน ส.ค.นี้

นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เปิดเผยว่า สถานการณ์ปิโตรเคมีในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ยังคงมีความผันผวนและแข่งขันรุนแรงต่อเนื่อง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

ความไม่แน่นอนเรื่องภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ (US Tariff)การเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจาก OPEC+ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้อุปสงค์ (Demand) ยังคงชะลอตัว ในขณะที่อุปทาน (Supply) ยังคงเพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม พบว่ามีการหยุดผลิตของโรงงานที่มีความสามารถในการแข่งขันต่ำและต้นทุนสูง ซึ่งช่วยชดเชยส่วนของอุปทานที่สูงขึ้น ดังนั้นคาดว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ผ่านจุดต่ำสุดและจะอยู่ในภาวะทรงตัวอีกระยะ โดยพิจารณาได้จากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ(Spread)ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 1/2568

แม้ว่าวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงในรอบนี้จะรุนแรงและยาวนานกว่าปกติ แต่ SCGC พร้อมรับมือกับความท้าทายและความผันผวนที่เกิดขึ้น โดยมีกลยุทธ์ระยะสั้น ได้แก่ 1) การลดต้นทุนวัตถุดิบ ลดเงินทุนหมุนเวียน และลดค่าใช้จ่ายด้วย Digital และ AI 2) เร่งพัฒนากลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA (High Value Added Products & Services) รวมไปถึงการพัฒนาพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer)

3) เร่งขยายธุรกิจ Service Solutions ครบวงจร และ 4) การขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจาก PVC (PVC Fabrication) สำหรับกลยุทธ์ระยะยาว ได้แก่ การเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ประเทศเวียดนาม (โครงการ LSPE)

SCGC ฝ่าคลื่นปิโตรเคมี!  “ศักดิ์ชัย” นำทีมปรับแผนรับมือผันผวน-เร่งเปิดโรงงาน LSP

โดย SCGC ได้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอกย้ำจุดแข็งสำคัญในด้านต่างๆ อาทิ                      

1) กระบวนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมระดับสากล (Innovation Management) เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products & Services หรือ HVA) รวมถึงพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Polymer) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก 

นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมครบวงจร i2P Center” (Ideas to Products) โดยมีเครือข่ายนวัตกรรมจากทั่วโลก  เพื่อช่วยลูกค้า เจ้าของแบรนด์ หน่วยงานและองค์กรต่างๆ รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจ ในการค้นหาไอเดียและเทรนด์ต่างๆ การวิจัยและพัฒนา การออกแบบสินค้า การทดสอบขึ้นรูป ฯลฯ ซึ่งช่วยให้พัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาโครงการด้านนวัตกรรมกว่า 100 โครงการ

SCGC ฝ่าคลื่นปิโตรเคมี!  “ศักดิ์ชัย” นำทีมปรับแผนรับมือผันผวน-เร่งเปิดโรงงาน LSP

2) การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโรงงานด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น AI (Artificial Intelligence) และระบบ Robotics & Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) และยกระดับความปลอดภัยในโรงงาน นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยคาดการณ์อนาคตของเครื่องจักรในกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ

ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับเครื่องจักรและกระบวนการผลิตเฉพาะของแต่ละโรงงาน เช่น ระบบ Robotics & Automation ของโรงงานนวพลาสติกอุตสาหกรรม ซึ่งผลิตท่อและข้อต่อ PVC รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจาก PVC โดยมีสัดส่วนการนำหุ่นยนต์มาใช้ภายในโรงงาน (Robot Density) ระดับ Best in Class ของโลก

นอกจากนั้น ยังได้ต่อยอดความเชี่ยวชาญสู่ธุรกิจ Industrial Service Solutions พัฒนาโซลูชัน “DRS by REPCO NEX” (Digital Reliability Service Solutions) ช่วยยกระดับการดูแลเครื่องจักรและเพิ่มความสามารถในการผลิต (Productivity) โดยให้บริการลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ อาหารเครื่องดื่ม และสาธารณูปโภค เป็นต้น

SCGC ฝ่าคลื่นปิโตรเคมี!  “ศักดิ์ชัย” นำทีมปรับแผนรับมือผันผวน-เร่งเปิดโรงงาน LSP

และ 3) การนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต (By-product) มาต่อยอดเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ เช่น การนำอะเซทิลีนที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตของโรงงานโอเลฟินส์ ไปเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ซึ่งเป็นส่วนประกอบนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV)

และการนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตของโรงงานพอลิโอเลฟินส์ ไปเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตสาร Phase Change Material ซึ่งนำไปพัฒนาใช้ในโซลูชันด้านการควบคุมอุณหภูมิและประหยัดพลังงานสำหรับธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อาคารสำนักงาน และ data center ภายใต้แบรนด์ “CHILLOX”(ชิลล็อกซ์) เป็นต้น

"ความคืบหน้าของโรงงานลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ ประเทศเวียดนาม (LSP) ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อกลับมาดำเนินการเชิงพาณิชย์ คาดว่าประมาณปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายน 2568 โดยบริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิดต่อไป"

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025