ไทยโดนภาษี 36% หุ้นไทยย่อตัว 1,100 - 1,130 จุด สะสม Domestic Play กำไรดี-หุ้นปันผลสูง

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า คาดตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นจะเผชิญแรงกดดันจากการประกาศภาษีของทรัมป์รอบใหม่

ล่าสุดทยอยประกาศออกมาในกรอบ 25-40% ซึ่งจะมีผล 1 ส.ค.นี้

ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, มาเลเซีย โดนเก็บอัตรา 25%
อินโดนีเซีย โดนภาษี 32%
กัมพูชา , ไทย โดนภาษี 36% 
ลาว, พม่า โดนภาษี 40% 

โดยหากพิจารณาของไทยซึ่งโดนเก็บภาษีนำเข้าที่ 36% ถือเป็นอัตราคงเดิมที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่ 2 เมษายน สวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ในรอบนี้ได้ปรับลดภาษีลง

ดังนั้นสะท้อนถึงแผนการเจรจาของไทยในรอบล่าสุดที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้คาดจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยเป็นอย่างมาก ดังนั้นในช่วงที่เหลือก่อนการเริ่มเก็บจริง 1 ส.ค. ทางไทยจะต้องรีบเสนอแผนการลดการขาดดุลของสหรัฐฯอย่างมีนัยสำคัญ

แนวโน้มหุ้นไทยคาดจะตอบรับเชิงลบ โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1,100 และ 1,080 จุด ระมัดระวังกลุ่มส่งออกซึ่งคาดจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากอัตราภาษีนำเข้าสหรํฐฯที่อยู่ที่ระดับสูงถึง 36% ซึ่งถือว่าสูงกว่าประเทศคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ที่โดนที่ระดับเพียง 20%

อย่างไรก็ดี กลุ่มที่อาจเข้ามาสลับพยุงเช่น กลุ่ม Domestic Play ที่ Valuation น่าดึงดูด และกลุ่มปันผลสูง ที่แนวโน้มผลการดำเนินงานยังคาดเติบโตดี โดยแนะนำ กลุ่มสื่อสาร, ท่องเที่ยว, ไฟฟ้า และโรงพยาบาล

คาด SET วันนี้ “ย่อตัว” ในกรอบ 1,100 - 1,130 จุด ตอบรับการประกาศภาษีของทรัมป์รอบใหม่ โดยไทยโดนที่ระดับ36% ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านสำคัญ คาดเป็นปัจจัยกดดันสั้นต่อภาคส่งออก และรอดูการต่อรองในช่วงถัดไป โดยกลยุทธ์สลับมาเน้นกลุ่ม Domestic Play ที่กำไรดี หรือหุ้นปันผลสูง

โดยวันนี้แนะย่อสะสม "CENTEL" ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35 บาท คาดปีนี้แนวโน้มกำไรฟื้นตัว จากการกลับมาเปิดโรงแรมที่พัทยาและภูเก็ต หลังรีโนเวทไปในช่วงที่ผ่านมา ผสานกับคาดรายได้โรงแรมที่ญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นเด่นในช่วงไตรมาส 2/68

กระแสตอบรับมาตรการเที่ยวไทยคนละครึ่งดี คาดกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไตรมาส 3/68 ฟื้นตัว ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง EV/EBITDA 9.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ย้อนหลังที่ 12 เท่า