เจรจาสหรัฐ-จีนดี! จับตาประชุม ครม. SET ไซด์เวย์ 1,120-1,150 จุด
เจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนคืบหน้า พร้อมจับตาประชุม ครม. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความชัดเจนการเมือง ลิเบอเรเตอร์ คาดหุ้นไทย Sideways กรอบ 1,120 - 1,150 จุด
KEY
POINTS
- เจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีนคืบหน้า พร้อมจับตาประชุม ครม. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและความชัดเจนการเมือง
- ลิเบอเรเตอร์ คาดหุ้นไทย Sideways ในกรอบ 1,120 - 1,150 จุด เน้นย่อตั้งรับหุ้นกำไรเติบโตดี
- แนะทยอยสะสม "CCET" ราคาเป้าหมาย 9 บาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี โดยนาย Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่าการเจรจาเป็นไปอย่าง “มีประสิทธิผล” เช่นเดียวกับ นาย Scott Bessent รัฐมนตรีคลัง ระบุว่าเป็น “การประชุมที่ดี”
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “กำลังดำเนินไปได้ดีในการเจรจากับจีน แม้จีนจะเป็นฝ่ายที่ต่อรองยาก แต่ได้รับรายงานในเชิงบวก”
โดยการเจรจาระหว่างกันจะดำเนินต่อเนื่องเป็นวันที่สอง (วันนี้) ที่กรุงลอนดอน ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดความตึงเครียดเกี่ยวกับการส่งออกแร่ธาตุหายาก (rare earths) และการผ่อนปรนมาตรการส่งออกเทคโนโลยี เช่น ชิปและไอทีขั้นสูง โดยรวมคาดเป็นบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ส่วนราคาน้ำมันดิบโลกยังขานรับเชิงบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หนุนราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปิดที่ระดับ 67.13 เหรียญต่อบาร์เรล (+0.99%) ทำจุดสูงสุดใหม่รอบเดือนครึ่ง
สำหรับ SET ในระยะสั้นยังอาจมีแรงกดดันจากการขาดความเชื่อมั่นผสานสภาพคล่องที่หดตัว รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง และการรอความชัดเจนด้านการเมือง
ดังนั้นจึงอยู่ในช่วงสร้างฐาน ส่วนปัจจัยวันนี้ที่น่าติดตาม คือ ประชุม ครม. คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มเติม
คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1,120 - 1,150 จุด ความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีแนวโน้มที่ดี เป็นบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง แต่อย่างไรก็ดีปัจจัยในประเทศยังรอความชัดเจนด้านการเมือง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดังนั้นกลยุทธ์เน้นย่อตั้งรับหุ้นที่แนวโน้มกำไรยังเติบโตดี
โดยวันนี้แนะทยอยสะสม "CCET" ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9 บาท รายงานยอดขายรายเดือน ประจำเดือนพฤษภาคมที่ระดับ 365 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 21.6% จากเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น 12.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
คาดแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังจะได้รับแรงหนุนจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานที่เพชรบุรี และโรงงานที่บราซิล ซึ่งจะหนุนให้กำไรและมาร์จิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี68 และปี 2569 ปรับตัวสูงขึ้น