posttoday

เบื้องหลังดีล "สารัชถ์ - ทรัมป์" แค่พบ หรือ วางหมากใหญ่ ?

04 มิถุนายน 2568

การพบกันระหว่างมหาเศรษฐีไทย "สารัชถ์ รัตนาวดี" กับประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ในช่วงที่ทั้งโลกตบเท้าเข้าเจรจาภาษีการค้า นี่คือจุดเริ่มต้นของการลงทุนระดับโลก

KEY

POINTS

  • การพบกันระหว่างมหาเศรษฐีไทย "สารัชถ์ รัตนาวดี" กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในช่วงที่ทั้งโลกตบเท้าเข้าเจรจาภาษีการค้า
  • นี่คือจุดเริ่มต้นของคลื่นความเปลี่ยนแปลงการลงทุนระดับโลก หรือการเมืองไทยมีความหวัง

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์โลกและแรงกดดันด้านการค้า ประเทศต่างๆพากันเข้าพบและเจรจากับ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อปักหมุดผลประโยชน์ด้านภาษี การลงทุน และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต

แต่ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนเกินคาด คือการที่ "สารัชถ์ รัตนาวดี" หนึ่งในมหาเศรษฐีเมืองไทย ถูกเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรอง "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์" ที่ลูเซล พาเลซ ประเทศกาตาร์ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจัดงานโดย "ชีค ทามิม บิน ฮามัด อัล ธานี" เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์

เบื้องหลังดีล "สารัชถ์ - ทรัมป์" แค่พบ หรือ วางหมากใหญ่ ?

คำถามคือ การเข้าพบทรัมป์มีการเจรจาสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ ?

ซีอีโอ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF "สารัชถ์ รัตนาวะดี" เปิดใจกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า การเข้าพบ "โดนัลด์ ทรัมป์" ในช่วงที่ผ่านมานั้น "ไม่มีอะไรมาก" เป็นการเข้าพบในฐานะบริษัทเอกชนที่ลงทุนในสหรัฐฯที่พร้อมลงทุนเพิ่มในอนาคต แต่ตนเองไม่ได้พูดเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะด้วยมารยาทก็ไม่ใช่เรื่องของตนเองที่จะไปพูดอะไรเช่นกัน

"สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดก็คือชอบเมืองไทย" เจอทุกครั้งก็มักจะพูดคำเดิมว่า "ชอบเมืองไทย" และตนเองมีโอกาสได้ถามคนที่เป็นรัฐมนตรีของทรัมป์บอกว่าได้มีการคุยกับประเทศไทยค่อนข้างดี

คล้ายกับการตอบรับที่ดี แต่ตนเองไม่ได้ไปสอบถามรายละเอียดว่าจะจบเมื่อไหร่ อย่างไร

"นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอประธานาธิบดี ทรัมป์ ผมเคยพบกันมาก่อน แล้วสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดเสมอคือชอบเมืองไทย บรรยากาศในการพูดคุยผมว่าก็ไม่ได้เกลียดชังอะไรประเทศไทย มันก็เป็นเรื่องของธุรกิจค้าขายในเรื่องของพยายามที่จะรักษาผลประโยชน์ประเทศเขาที่เขารู้สึกว่าเสียเปรียบการค้ากับหลายๆประเทศ มันก็มีประเทศที่สหรัฐฯเสียเปรียบเยอะและบางประเทศที่เสียเปรียบน้อย"

 

ทั้งนี้ในฐานะที่ GULF ลงทุนด้านพลังงานในสหรัฐฯและมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่อง เพียงแต่ในตอนนี้ยังไม่ได้มีแผนอะไรเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทมีการลงทุนในหลายประเทศ ไม่ใช่แค่สหรัฐฯเท่านั้น ซึ่งการลงทุนในแต่ละครั้งจะพิจารณาจากผลตอบแทนการลงทุนเป็นหลัก ไม่ได้ลงทุนเพียงเพราะเอาใจใคร หรือประเทศไหน

อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเติบโตของธุรกิจในสหรัฐฯนั้น ตนเองมองว่ายังดี แม้อาจจะบางช่วงที่ไม่ดี แต่ก็เป็นปกติของธุรกิจ เพียงแต่ภาพรวมในระยะยาวถือว่าดี

ที่ผ่านมา GULF ลงทุนผ่านบริษัทย่อย Gulf Energy USA ที่ซื้อหุ้น "โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Jackson" สัดส่วน 49% กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐอิลลินอยส์ มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้น 409.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 15,000 ล้านบาท

โรงไฟฟ้า Jackson เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 โดย GULF ลงทุนร่วมกับกลุ่ม J-POWER ซึ่งเป็นพันธมิตรของ GULF มานานกว่า 20 ปี และเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติกลุ่ม Gulf JP ในประเทศไทย โดย Jackson จำหน่ายไฟฟ้าให้กับโครงข่ายระหว่างเพนซิลเวเนีย-นิวเจอร์ซีย์-แมริแลนด์ (PJM) ที่ต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมพื้นที่ 13 รัฐและเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย

และในปี 2568 ทาง GULF มีแผนควบรวมหรือซื้อกิจการ(M&A)โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม ขนาดกำลังการผลิตแต่ละโรงประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งโซลาร์และลมในสหรัฐฯและยุโรป

เบื้องหลังดีล "สารัชถ์ - ทรัมป์" แค่พบ หรือ วางหมากใหญ่ ?

ถามย้ำว่า..สหรัฐฯมีโอกาสขึ้นภาษีไทยระดับสูงหรือไม่ ?

"สารัชถ์" ตอบชัดเจนว่า "ไม่น่าจะเกิดขึ้น" เพราะประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสหรัฐฯ เพียงแต่ประธานาธิบดี ทรัมป์ น่าจะหาจุดสมดุลย์ของการค้าขายระหว่างสหรัฐฯกับประเทศไทยมากกว่า

"ผมเชื่อว่าตอนจบคงมีโซลูชั่น และเชื่อในสิ่งที่รัฐบาลไทยพยายามทําอยู่ ก็คงมีการพูดคุยค่อนข้างเยอะพอสมควร แล้วผมก็เดาว่าเขาน่าจะได้รับข้อเสนอของรัฐบาลไทยไปแล้ว และคงจะเปรียบเทียบกับหลายๆประเทศ"

ท้ายที่สุดได้แต่วาดหวังว่าการพบกันระหว่าง "สารัชถ์ รัตนาวดี" กับ "ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์" ที่มากกว่าการปรากฏตัวของบุคคลทรงอิทธิพลสองคน แต่นี่อาจเป็นการเชื่อมต่อระหว่างผลประโยชน์ด้านพลังงาน การเมือง และการลงทุนระดับโลกในห้วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรุนแรง

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า นักธุรกิจไทยไม่ได้อยู่เพียงในเวทีภูมิภาค แต่กำลังเล่นเกมบนกระดานโลก ได้แต่หวังว่าภาพแห่งความชื่นมื่นครั้งนี้จะนำพาไทยพบทางรอดจากมหาสงครามการค้าที่หนักหน่วงครั้งนี้.

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"