หุ้นไทยทรุด 14 จุด! ผวาภาษีทรัมป์-ขาย MSCI ซ้ำเติมก่อนหยุดยาว
หุ้นไทยปิดร่วง 14.83 จุด หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯมีคำสั่งชั่วคราวให้ระงับคำตัดสินศาลการค้าระหว่างประเทศทำให้ภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ ผสานแรงขาย MSCI - วันหยุดยาวถล่ม
KEY
POINTS
- หุ้นไทยปิดร่วง 14.83 จุด หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐฯมีคำสั่งชั่วคราวให้ระงับคำตัดสินศาลการค้าระหว่างประเทศทำให้ภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้
- ผสานแรงขาย MSCI Rebalance และวันหยุดยาวถล่ม
ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันนี้ (30 พ.ค.68) อยู่ที่ 1,149.18 จุด ลดลง -14.83 จุด คิดเป็น -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 73,098.63 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,160.43 จุด ลดลงต่ำสุด 1,149.18 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ตลาดหุ้นปรับลงสอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคจากประเด็นศาลอุทธรณ์สหรัฐฯมีคำสั่งชั่วคราวให้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศ (CIT) ที่ตัดสินภาษี “Liberation Day” ของทรัมป์เกินขอบเขตอำนาจฝ่ายบริหารทำให้ภาษีนำเข้ายังมีผลบังคับใช้ระหว่างอุทธรณ์
ขณะที่ นักลงทุนบางส่วนอาจ Wait & see เนื่องจากในช่วงต้นสัปดาห์หน้า (ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย.68) มีวันหยุดหลายวัน และประเด็น MSCI Rebalance
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, PTT, PTTEP), กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA), กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC) ฯลฯ
หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ หุ้น CRC ปรับขึ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมิณยอดขายทั้งปี 2568 น่าจะบวกได้ 4% จากการเติบโตของธุรกิจ Go Wholesale และกำไรปีนี้คาดการณ์ว่าจะเติบโต 2% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน (yoy) แตะ 9.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี CRC เทรดที่ 13 เท่า 2025F ค่า P/E ประมาณ -2SD ของค่าเฉลี่ยระยะยาว ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าปัจจัยลบได้อยู่ในราคาแล้ว และราคาเป้าหมาย 20 บาท ยังมี อัพไซด์ประมาณ 5%
หุ้น GPSC บวก 0.78% หุ้นที่มีหนี้สูง ปรับตัวเพิ่มขึ้น สะท้อนมุมมองเชิงบวกของนักลงทุนที่มีต่อทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่บริเวณ 32.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อบริษัทที่มีภาระหนี้เงินกู้เป็นสกุลต่างประเทศ เนื่องจากช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงินจากผลต่างของอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงในงบการเงินและเพิ่มความมั่นใจต่อแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี
หุ้น ITEL บวก 3.36% นักวิเคราะห์แนะนำซื้อ จากโทนจากงาน Opportunity Day ยังคงเป็นไปในเชิงบวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับโครงการ USO 3 ที่กำลังจะมาถึง
การประมูลโครงการนี้ล่าช้าจากประมาณเดือนเมษายน แต่ดูเหมือนว่าการกลับมาเปิดประมูลอีกครั้งหลังจากการประมูลคลื่นความถี่สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเดือนกรกฎาคมนั้นสมเหตุสมผล การเติบโตของกำไรที่ 17.5% ในปีนี้ยังไม่ได้รวมการชนะโครงการ USO3 เข้าไปด้วย
การวิเคราะห์ Sensitivity ของ บล.กรุงศรี บ่งชี้ว่าการชนะโครงการ USO 3 มูลค่า 1.2 พันล้านบาทจะเพิ่มประมาณการ 24% ในปี68 และปีต่อๆไป การซื้อขายที่ส่วนลด 60% จาก Book Value ปี 68 ทำให้ ITEL น่าสนใจเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรและโครงการที่มีศักยภาพ
และหุ้น BANPU ลดลง -4.13% ราคาหุ้นกลุ่มถ่านหินปรับลงตอบรับจากแรงกดดันของราคาถ่านหิน Newcastle ลดลงถึง -2.27%DoD, -6.56% ตั้งแต่ต้นไตรมาส QTD และ -18.74% ตั้งแต่ต้นปี YTD
โดยล่าสุดปิดที่ระดับ 107.55 เหรียญฯต่อตัน สะท้อนภาพความต้องการที่อ่อนแอลงในตลาดโลก ผนวกกับแนวโน้มอุปทานที่ยังล้นตลาด ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่อิงกับราคาถ่านหิน


