ส่องพอร์ต "อัศวโภคิน" โชว์ 7 หุ้น มาร์เก็ตแคปกว่า 2 แสนล้าน
ในโลกธุรกิจไทยมีไม่กี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และการเงินเทียบเท่า “ตระกูลอัศวโภคิน” สะท้อนผ่าน 7 หุ้น อวดกำไรไตรมาส 1/68 รวมกว่า 4,500 ล้านบาท
KEY
POINTS
- ในโลกธุรกิจไทยมีไม่กี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลในแวดวงอสังหาริมทรัพย์และการเงินเทียบเท่า “ตระกูลอัศวโภคิน”
- สะท้อนผ่าน 7 หุ้น อวดกำไรไตรมาส 1/68 รวมกว่า 4,500 ล้านบาท
- มาร์เก็ตแคปกว่า 2 แสนล้านบาท
เบื้องหลังความมั่งคั่งของอาณาจักร “อัศวโภคิน” ไม่ได้มีแค่ธุรกิจอสังหาฯ แต่ยังครอบคลุมสถาบันการเงินและบริการครบวงจร ผ่านการถือหุ้น 7 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) รวมกว่า 2 แสนล้านบาท
หลังประกาศงบไตรมาส 1/68 ทั้ง 7 หุ้นต่างโชว์ฟอร์มได้ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ สร้างกำไรรวม 4,500 ล้านบาท
"บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO" ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติม ซ่อมแซม ปรับปรุง อาคาร บ้าน และที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีรายได้ 18,660.11 ล้านบาท ลดลง 0.72% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18,795.54 ล้านบาท และ กำไร 1,707.38 ล้านบาท ลดลง 0.32% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,712.84 ล้านบาท
ราคาหุ้น ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 7.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท คิดเป็น +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 109.50 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ต แคป) 101,264.22 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) -18.09% และ อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 5.64%
กลุ่มผู้ถือหุ้น HMPRO อันดับ 1 คือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 3,975,878,432 หุ้น สัดส่วน 30.23%
และ อันดับ 2 คือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,613,023,098 หุ้น สัดส่วน 19.87%
"บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH" ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่พักอาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารชุดพักอาศัย โดยเน้นพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม อุดรธานี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา และภูเก็ต
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 รายได้ 4,896.51 ล้านบาท ลดลง 29.33% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6,928.63 ล้านบาท และ กำไร 837.40 ล้านบาท ลดลง 31.98% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,231.02 ล้านบาท
ราคาหุ้น ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 3.92 บาท เพิ่มขึ้น +0.02 บาท คิดเป็น +0.51% มูลค่าซื้อขาย 124.51 ล้านบาท มาร์เก็ต แคป 46,842.88 ล้านบาท
ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน -22.38% และมี Dividend Yield ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 8.16%
LH มีผู้ถือหุ้นใหญ่ อันดับ 1 คือ นายอนันต์ อัศวโภคิน จำนวน 2,894,883,427 หุ้น สัดส่วน 24.23% และ อันดับ 4 คือ บริษัท เมย์แลนด์ จำกัด จำนวน 677,000,069 หุ้น สัดส่วน 5.67%
"บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP" ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีรายได้ 7,758.81 ล้านบาท ลดลง 2.63% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7,968.31 ล้านบาท และ กำไร 863.72 ล้านบาท ลดลง 14.34% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,008.33 ล้านบาท
ราคาหุ้น AP ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 6.55 บาท ลดลง -0.15 บาท คิดเป็น -2.24% มูลค่าซื้อขาย 125.71 ล้านบาท มาร์เก็ตแคป 20,605.64 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน -19.14% และ Dividend Yield ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 9.16%
AP มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 คือ อนุพงษ์ อัศวโภคิน ถือหุ้นจำนวน 676,984,861 หุ้น สัดส่วน 21.52%
"บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG" ประกอบธุรกิจเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจของตนเอง (Non-Operating Holding Company)
โดยถือหุ้นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน ดังนี้ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 99.99 ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ร้อยละ 99.99 ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมด, บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ร้อยละ 99.92 ของทุนที่ชำระแล้วทั้งหมด
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 1,829.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 และ กำไร 569.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.97% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 399.20 ล้านบาท
ขณะที่ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิจํานวน 350.4 ล้านบาท ลดลง 34.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของกําไร (ขาดทุน) สุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุน และรายได้จากการดําเนินงานอื่น และลดลง 7.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของกําไร (ขาดทุน) สุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกําไรหรือขาดทุน และกําไรจากเงินลงทุน
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานอื่นจํานวน 1,118.7 ล้านบาท ลดลง 23.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/67 ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของค่าใช้จ่ายอื่นๆ และเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์
ราคาหุ้น LHFG ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 0.77 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท คิดเป็น +1.32% มูลค่าซื้อขาย 1.50 ล้านบาท มาร์เก็ตแคป 16,311.42 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน -1.28% และ Dividend Yield ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 3.90%
LHFG มีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 คือ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 4,634,761,967 หุ้น สัดส่วน 21.88% ต่อมาคือ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถืออันดับ 3 จำนวน 2,910,199,375 หุ้น สัดส่วน 13.74%และอันดับ 6 คือ อนุพงษ์ อัศวโภคิน จำนวน 97,986,233 หุ้น สัดส่วน 0.46%
"บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH" ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและให้เช่า บ้านพร้อมที่ดิน หน่วยในอาคารชุดพักอาศัย อาคารที่พักอาศัยให้เช่า ธุรกิจเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ โรงแรม อาคารสำนักงาน รวมทั้งรับจ้างบริหาร และร่วมลงทุนในธุรกิจอื่นๆ
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 รายได้ 1,423.79 ล้านบาท ลดลง 20.81% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1,797.84 ล้านบาท และ กำไร 402.01 ล้านบาท ลดลง 17.97% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 490.09 ล้านบาท
ราคาหุ้น QH ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 1.42 บาท ลดลง -0.02 บาท คิดเป็น -1.39% มูลค่าซื้อขาย 12.30 ล้านบาท มาร์เก็ต แคป 15,214.42 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน -17.44% และ Dividend Yield ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 7.75%
หุ้น QH มี บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 จำนวน 2,675,945,601 หุ้น สัดส่วน 24.98%
"บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ Q-CON" ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายคอนกรีตมวลเบาเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก รวมถึงผลิตภัณฑ์ทั้งประเภทไม่เสริมเหล็ก ได้แก่ บล็อค (Block) ขนาดต่างๆและประเภทเสริมเหล็ก ได้แก่ คานทับหลังสำเร็จรูป (Lintel), แผ่นผนัง (Wall Panel), แผ่นพื้น (Floor Panel) และแผ่นบันได (Stair) โดยเป็นการ spin off มาจาก LH
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีรายได้ 512.04 ล้านบาท ลดลง 30.36% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 735.21 ล้านบาท และ กำไร 88.33 ล้านบาท ลดลง 55.71% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 199.42 ล้านบาท
ราคา ณ วันที่ 23 พ.ค.68 ปิดที่ 7.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 0.19 ล้านบาท มาร์เก็ต แคป 2,960 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน -18.68% Dividend Yield ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 8.78%
โดย "บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)" ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 84,627,680 หุ้น สัดส่วน 21.16%
"ปีนี้ตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งการตลาดจากอิฐ ทั้งตลาดอิฐมวลเบา 35% อิฐแดงราว 30-35% ที่เหลือเป็นผนังอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดอิฐทั้งหมดอยู่ที่ 100 ล้านตารางเมตร พร้อมกับขยายกำลังการผลิตอีก 3.9 ล้านตารางเมตรที่สงขลาในช่วงกลางปีนี้ รองรับความต้องการในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะภูเก็ต"นายณรงค์เวทย์ วจนพานิช กรรมการผู้จัดการ Q-CON กล่าว
"บริษัท แมนดารินโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) หรือ MANRIN" ประกอบธุรกิจโรงแรมเพื่อให้บริการที่พักอาศัย จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม การประชุมสัมมนา การจัดเลี้ยงและการให้บริการอื่นๆอันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโรงแรม
ผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีรายได้ 97.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.75% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 93.46 ล้านบาท และกำไร 14.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.32% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.79 ล้านบาท
ราคาหุ้น MANRIN ณ วันที่ 13 พ.ค.68 ปิดที่ 21.70 บาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี -28.85% มาร์เก็ตแคป 583.85 ล้านบาท
กลุ่มผู้ถือหุ้น MANRIN มีรายละเอียดดังนี้คือ
อันดับ 1 น.ส.สุดา อัศวโภคิน จำนวน 4,044,666 หุ้น สัดส่วน 15.03%
อันดับ 2 นายทรงพล อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จำนวน 3,976,269 หุ้น สัดส่วน 14.78%
อันดับ 3 นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 จำนวน 2,913,466 หุ้น สัดส่วน 10.83%
อันดับ 4 นายอนันต์ อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 จำนวน 2,699,866 หุ้น สัดส่วน 10.03%
อันดับ 5 นายบุญทรง อัศวโภคิน ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 จำนวน 1,390,804 หุ้น สัดส่วน 5.17%
ปีนี้บริษัทเน้นกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนช่องทางการขายผ่านออนไลน์ OTA และเวปไซด์ของโรงแรม ตั้งเป้าสัดส่วนไว้ที่ 70% จะมีการปรับราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5-10% เน้นฐานลูกค้าในกลุ่ม Corporate สีลม รวมถึงบริษัทในโครงการ One Bangkok พร้อมกับโปรโมตงานจัดเลี้ยงผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยเจาะกลุ่ม Incentive group ที่มีกำลังซื้อสูง เพื่อเพิ่มรายได้จากห้องพัก งานประชุม สัมมนา รวมถึงงานจัดเลี้ยง เป็นต้น
การเติบโตของ “ตระกูลอัศวโภคิน” เป็นเครื่องสะท้อนพลังของการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ทั้งในด้านอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และบริการในตลาดทุน แม้ภาวะเศรษฐกิจจะผันผวน แต่ผลประกอบการของ 7 หุ้นหลักยังคงมีสัญญาณที่ดี พร้อมตอกย้ำความเป็น “เจ้าพ่ออสังหาฯ” ตัวจริงที่ยังยืนหนึ่งในไทย


