posttoday

BAM เร่งผลเรียกเก็บ ขายทรัพย์ ผนึกพันธมิตร หลัง Q1/68 กำไรลด 48.7%

13 พฤษภาคม 2568

BAM ลุยกลยุทธ์เร่งผลเรียกเก็บ เร่งขายทรัพย์ทุกประเภทให้กลุ่มเป้าหมาย ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ หลังงบไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลง 48.7%

บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ลดลง 48.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 423 ล้านบาท 

โดยไตรมาสนี้ บริษัทมีผลเรียกเก็บ (ไม่รวม JV) 3,192 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการจัดเก็บหนี้ NPLs จำนวน 1,955 ล้านบาท ลดลง 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการชะลอตัวของการปรับโครงสร้างหนี้ TDR รายใหม่ ทั้งนี้ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ TDR รายเดิมมีแนวโน้มทรงตัว

สำหรับการขายทรัพย์ NPAs เป็นเงินจำนวน 1,237 ล้านบาท ลดลง 9.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายทรัพย์ที่อยู่อาศัยโตขึ้น 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดขายทรัพย์อาคารพาณิชย์และทรัพย์เพื่อการลงทุนหดตัวลง 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทมีราคาขายต่อราคาประเมินทรัพย์เฉลี่ยที่ 88.5% (ปี 2567 อยู่ที่ 86.3%)

ไตรมาส 1/2568 บริษัทไม่ได้ลงทุนซื้อหนี้จากสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินทยอยนำหนี้ออกมาเสนอขายในช่วงท้ายของไตรมาส จึงทำให้ปัจจุบันมีปริมาณหนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลมากกว่า 70,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้พิจารณาการลงทุนโดยคำนึงถึงประมาณการผลตอบแทน ความเสี่ยงในการลงทุน รวมถึงการบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสม

บริษัทมีอตัราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 เท่ากับ 2.13 เท่า (ปี 2567 อยู่ที่ 2.18 เท่า) อนึ่ง บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ในเดือนเมษายน 2568 จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงินรวม 1,650 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A แนวโน้มอันดับเครดิตลบ

ทั้งนี้ ปี 2568 การบริหารจัดการ NPLs และ NPAs ยังเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ NPLs และยอดขายทรัพย์ NPAs 

นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเจอจุดเปลี่ยนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยสนใจซื้อคอนโดมิเนียมเปลี่ยนมาให้ความสนใจต่อบ้านแนวราบราคา 3-5 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น รวมถึงขยายความสนใจไปยังที่อยู่อาศัยนอกเขตเมือง ซึ่งไม่ได้รับรู้หรือรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดโอนอสังหาริมทรัพย์ในระยะส้ันมีแนวโน้มลดลง ซึ่งภาครัฐและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น ด้านความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคและนักลงทุน

บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงในการดำเนินงาน จึงกำหนดกลยุทธ์ให้มีการเร่งผลเรียกเก็บ เชิญลูกหนี้เข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เร่งขายทรัพย์ทุกประเภทให้กับกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้บริษัทเติบโตสร้างรายได้ตามเป้าหมาย และสามารถสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มได้

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด 'บิว ภูริพล' นำทัพ วิ่ง 4x100 ชาย ซีเกมส์2025 วันนี้ 15 ธ.ค.68