posttoday

"OR" กำไรไตรมาส 2/67 ทำได้ 2,537 ลบ. พร้อมเปิดตัว "Community Space" เร็วๆนี้

08 สิงหาคม 2567

"ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR)" ยิ้มรับธุรกิจ Mobility ขยายตัวรับราคาขายปลีกดีเซลขยับขึ้น บวกธุรกิจ Lifestyle - Global เติบโตหนุนผลงานไตรมาส 2/67 รายได้ขายและบริการ 183,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,055 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,537 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวธุรกิจ Community Space เร็วๆนี้

     บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้ขายและบริการ 183,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,055 ล้านบาท คิดเป็น 3.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจโดยหลักจากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Mobility ส่วนหนึ่งจากการปรับเพดานราคาขายปลีกดีเซล รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility เพิ่มขึ้น 2.6% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 1% จากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 23.2% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์และกัมพูชา

     ขณะที่ EBITDA จำนวน 4,843 ล้านบาท ลดลง 1,330 ล้านบาท คิดเป็น -21.5% เมื่อเทียบกับ 1Q/67 โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้นตามปริมาณจำหน่าย และกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรฟื้นตัวอย่างมากในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

\"OR\" กำไรไตรมาส 2/67 ทำได้ 2,537 ลบ. พร้อมเปิดตัว \"Community Space\" เร็วๆนี้

     ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยหลักเนื่องจากไม่มีรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมา ในไตรมาสนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากรายรับสกุลเงินต่างประเทศลดลงตามปริมาณจำหน่ายของลูกค้าต่างประเทศของกลุ่มธุรกิจ Mobility แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง และมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ส่งผลให้ใน 2Q/67 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,537 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 1,186 ล้านบาท หรือลดลง -31.9% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.21 บาท

\"OR\" กำไรไตรมาส 2/67 ทำได้ 2,537 ลบ. พร้อมเปิดตัว \"Community Space\" เร็วๆนี้

     สำหรับผลการดำเนินงาน 1H/67 มีรายได้ขายและบริการ 361,922 ล้านบาท ลดลง 23,517 ล้านบาท คิดเป็น -6.1% จาก 1H/66 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.7% อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 8.1% จากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 15% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก

     ด้าน EBITDA ใน 1H/67 จำนวน 11,016 ล้านบาท ลดลง 121 ล้านบาท คิดเป็น -1.1% เมื่อเทียบกับ 1H/66 โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นที่ลดลงตามปริมาณจำหน่าย อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้นจากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้นตามปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก

     อีกทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปรับลดลง 6.1% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน(Share of gain from investments)ภาพรวมลดลง เนื่องจากรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาเป็นหลัก ในงวดนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง ส่งผลให้ใน 1H/67 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 6,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 528 ล้านบาท (+9.2%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.52 บาท 

\"OR\" กำไรไตรมาส 2/67 ทำได้ 2,537 ลบ. พร้อมเปิดตัว \"Community Space\" เร็วๆนี้

     "เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวดี อย่างไรก็ตาม การส่งออกและภาคการผลิตยังขยายตัวในระดับต่ำ ด้านอัตราเงินเฟ้อของไทยทยอยปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายตามราคาพลังงานในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้น รวมถึงมาตรการช่วยเหลือราคาพลังงานของภาครัฐในระยะต่อไป โดยคาดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 2-4% ตามการประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย

     เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการบริการ ประกอบกับเงินเฟ้อในหลายประเทศทยอยปรับลดลง อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจรุนแรงขึ้น ราคาพลังงานโลกยังผันผวนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ใน 2Q/67เติบโตได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ดีภาคแรงงานมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นค่าจ้าง เศรษฐกิจจีน ใน 2Q/67 เติบโตที่ 4.7% ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากภาคการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามการส่งออกและภาคการผลิตยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการยกระดับสงครามการค้า และนโยบายการปรับขึ้นภาษี"

     ฐานะทางการเงิน ณ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวม 218,667 ล้านบาท ลดลง 1,569 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 โดยหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง หักกลบกับสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น OR มีหนี้สิน รวมจำนวน 105,890 ล้านบาท ลดลง 4,838 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 112,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,269 ล้านบาท จากกำไรสุทธิระหว่างงวด หักการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2566 ในอัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น จำนวน 3,240 ล้านบาท

     "ปีนี้ OR มีแผนเปิดตัวธุรกิจ Community Space รูปแบบใหม่ที่จะไม่ได้มีส่วนประกอบของสถานีบริการน้ำมัน แต่เป็นการใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดพื้นที่บนพื้นที่ที่มีศักยภาพนอก PTT Station เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ โดยมีแผนเปิดตัว Community Space แห่งแรกในเร็วๆนี้"นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าว