MINT กำไรโต 8% โบรกผ่างบ 7หุ้นอาหารเครื่องดื่มไตรมาส 2/67 ใครรุ่ง-ร่วง?
MINT อวดกำไรไตรมาส 2/2567 แตะระดับ 3,230 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขานรับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารขยายตัวแกร่ง ด้านโบรกสแกน "7 หุ้นอาหารและเครื่องดื่ม" งบไตรมาส 2 ของปีนี้ยังเติบโตต่อ
แบล็กมันเดย์! ตลาดหุ้นทั่วโลกดำดิ่ง หวั่นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ หุ้นไทยร่วงแรง 38.41 จุด ปิด 1,274.67 จุด ต่ำสุดรอบ 4 ปี ภาพเศรษฐกิจไม่สู้ดีมาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับสินค้าจีน ทั้ง อาหาร เครื่องดื่ม ข้าวของเครื่องใช้ เข้ามาแผ่รัศมีเป็นวงกว้างตีตลาดไทย แผดเผาสินค้าท้องถิ่นด้วยต้นทุนที่ถูกกว่ามากกดดันผู้ประกอบการไทยต้องงัดทุกกลยุทธ์มาสู้
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลการดําเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร แตะระดับ 44,600 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากอุปสงค์การท่องเที่ยวและราคาห้องพักเฉลี่ยสูงขึ้น โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและประเทศไทย รวมถึงการเปิดโรงแรมแห่งใหม่ ส่งผลให้หน่วยธุรกิจโรงแรมมีผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันจํานวนลูกค้าเพิ่มขึ้นในประเทศไทยและสิงคโปร์ ผลจากการนําเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แคมเปญการตลาดที่ประสบความสําเร็จ และการขยายสาขาขับเคลื่อนพอร์ตโฟลิโอธุรกิจร้านอาหาร
รวมถึง บริษัทมีกําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมจากการดําเนินงาน (Core EBITDA) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 13,234 ล้านบาท ซึ่งเติบโตในอัตราที่น้อยกว่าการเติบโตของรายได้จากผลกระทบการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน หากไม่รวมผลกระทบด้านลบจากการตีมูลค่าใหม่นี้กําไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีและค่าเสื่อมสามารถเติบโตได้สูงกว่าการเติบโตของรายได้ในอัตรา 2 หลัก ซึ่งการบริหารค่าใช้จ่ายหลัก การเพิ่มผลิตภาพทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และ สํานักงานของ MINT ถือเป็นปัจจัยสําคัญ
แม้จะมีผลกระทบด้านลบจากการตีมูลค่าจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ไม่เอื้ออํานวยดังกล่าวข้างต้น MINT สามารถสร้างผลกําไรสุทธิจากการดําเนินงานในไตรมาส 2/2567 แตะระดับ 3,230 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากผลการดําเนินงานที่แข็งแกร่งของทุกหน่วยธุรกิจ หากไม่นับรวมผลกระทบดังกล่าวกําไรจากการดําเนินงานจะเติบโตได้กว่าร้อยละ 30
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการดําเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตราร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 82,248 ล้านบาท จากผลการดําเนินงานทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร โดย EBITDA จากการดําเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตอัตราร้อยละ 13 มาอยู่ที่ 21,587 ล้านบาท ปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากรายได้และแพลตฟอร์มการดําเนินงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของ MINTควบคู่ไปกับการบริหารภาษีและการใช้ผลขาดทุนทางภาษียกมาส่งผลให้กําไรจากการดําเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เทียบกับปีก่อนเป็น 2,878 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
หากนับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวตามรายละเอียดในภาคผนวก ในไตรมาส 2/2567 MINT มีรายได้และ EBITDA ตามงบการเงินเติบโตร้อยละ 9 และ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 44,422 และ 12,913 ล้านบาทตามลําดับ ขณะที่บริษัทมีผลกําไรตามงบการเงินจํานวน 2,823 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2567 ลดลงร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อนที่จํานวน 3,255 ล้านบาทในไตรมาส 2/2566 โดยหลักมาจากการรับรู้ผลขาดทุนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงจากสัญญาอนุพันธ์และการยกเลิกสัญญาเช่า โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้ตามงบการเงินเติบโตอัตราร้อยละ 12 เป็นจํานวน 82,473 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA เติบโตในอัตราที่สูงกว่าการเติบโตของรายได้คิดเป็นร้อยละ 19 อยู่ที่ 22,836 ล้านบาท บริษัทมีผลกําไรตามงบการเงินจํานวน 3,969 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยสําคัญที่อัตราร้อยละ 74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการดําเนินงานที่แข็งแกร่งและเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ดีในไตรมาส 1/2567
“ยุโรปเตรียมเข้าสู่ไฮซีซั่นอีกครั้งในเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ และกีฬา รวมถึงการประชุมทางธุรกิจ ในขณะที่แถบเอเชียจะเข้าช่วงไฮซีซั่นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเราพร้อมที่จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ที่นำความริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ประกอบกับแบรนด์ระดับพรีเมียมและสินทรัพย์ต่างๆ ในพอร์ตโฟลิโอเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มั่นใจได้ว่าเราสามารถได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโอกาสที่จะเข้ามา สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดเป้าหมาย และส่งต่อผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมนี้ให้กับทั้งผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราต่อไป ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าจะมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของเราจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2567”นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT กล่าว
ความท้าทายจากฐานที่สูงขึ้น "MINT"
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า กำไรปกติ 1H67F ที่ 3.1 พันล้านบาท (+33.5% YoY) คิดเป็นสัดส่วน 42% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีแม้ปกติ 2Q กำไรทำจุดสูงสุดของปีแต่คาดน้ำหนักกำไรจะอยู่ช่วง 2H67 มากกว่า 1H67 เนื่องจากไม่มีผลขาดทุนเหมือนที่เกิดขึ้นในงวด1Q ของโรงแรมในยุโรป ขณะที่แนวโน้มอัตราการขยายตัว YoY ในช่วงที่เหลือของปี แม้ข้อมูลเบื้องต้น ก.ค.67 อิงยอดจองห้องพักล่วงหน้าของโรงแรมใน EU ทาง MINT ประเมินว่ายอดดังกล่าวจะหนุนรายได้เพิ่มราว 10% YoY แต่ฐานโรงแรมไทยที่เริ่มสูงขึ้นช่วง 2H67รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของ RevPar โรงแรมใน EU ค่อยๆ เบาลง ตามฐานสูงขึ้น (2Q66 +25% YoY, 3Q66 + 12% YoY, 4Q66 +14% YoY, 1Q67 +10% YoY และ 2Q67 +7% YoY) ประกอบกับ Effective tax rate ที่ต่ำลงในงวด 1H67 ความต่อเนื่องยังไม่แน่ชัด องค์ประกอบรวมทำให้อัตราการเติบโตเชิง YoY ในระดับเดียวกับ 2Q67 ยังมีความท้าทาย ตามความเห็นของฝ่ายวิจัย จึงคงประมาณการกำไรตามเดิม
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยคงแนะนำ Neutral บน FV ปี 2567 ที่ 35 บาท (อิง DCF - WACC 8.5% และ Terminal growth rate ที่ 1.5%) แม้ตลาดส่งสัญญาณประทับใจกับงบ 2Q67 ของโรงแรมใน EU หนุนราคาหุ้นวานนี้ปรับตัวขึ้น 2.5% DoD ทำให้ราคาหุ้น MINT YTD Outperformed SET และกลุ่มฯ มาพอควร แต่ภายใต้ทิศทางกำไรใกล้ผ่านจุดสูงสุดของปี รวมทั้งมุมมองต่ออัตราการเติบโต YoY ตามที่ได้กล่าวข้างต้นจึงประเมินการเคลื่อนไหวทางบวกของราคาหุ้นจำกัด


