posttoday

25 หุ้น ESG เกรด A - ราคาร่วงแรงเข้าตา "กองทุน TESG ใหม่"

25 มิถุนายน 2567

หุ้นไทยฟื้นจริง! 3โบรกเกอร์เชื่อเม็ดเงินไหลเข้า "กองทุน TESG" มากกว่า 6-7 หมื่นล้านบาท พร้อมสแกน 25 หุ้นใหญ่เรทติ้ง ESG ระดับ A ขึ้นไป บวกราคาหุ้นร่วงแรงนับตั้งแต่ต้นปีน่าสนใจ

     "กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund)" หรือ "กองทุน TESG" ถูกหยิบมาเป็นประเด็นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่า "ไม่ธรรมดา" เพราะสามารถพลิกฟื้นตลาดหุ้นไทยกลับมาบวกได้ในทันที 

     ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? 

      สิ่งสำคัญนั่นก็คือ "กองทุน TESG" ตัวใหม่มีคุณสมบัติที่โดนใจนักลงทุนตรงที่ ข้อแรกคือคลังขยายวงเงิน ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินและซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท จากเดิมไม่เกิน 100,000 บาท

     ข้อสอง ลดระยะเวลาการถือครองเหลือเพียง 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ จากก่อนหน้านี้ต้องถือครอง 8 ปี

     สุดท้ายคือ ขยายนโยบายลงทุนมากกว่า 80% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม(NAV) โดยเน้นหุ้นใน SET และ mai โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) และ บรรษัทภิบาล (Governance) ที่เปิดเผยข้อมูลตามกำหนด

25 หุ้น ESG เกรด A - ราคาร่วงแรงเข้าตา "กองทุน TESG ใหม่"

     ไทม์ไลน์จากนี้คือ กระทรวงการคลังจะนำกองทุน TESG เสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติไม่เกิน 2 สัปดาห์ จากนั้น ก.ล.ต. , ตลท. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FECTO)ร่วมหารือเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์คัดหุ้นไทยเข้าธีมกองทุน TESG พร้อมคาดเปิดเสนอขายกองทุนใหม่นี้ได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ เบื้องต้น ก.ล.ต.คาดว่าจะมีหุ้นเข้ามาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 200 หุ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 128 หุ้น รวมไม่ต่ำกว่า 300 หุ้น คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุน TESG มากกว่า 30,000 ล้านบาท แม้อาจจะกระทบรายได้ภาษีราว 13,000 ล้านบาทแต่ได้ในส่วนของฐานภาษีที่เปลี่ยนเงินออมเป็นเงินลงทุนจากนักลงทุนที่คาดหวังทางผลประโยชน์ทางภาษี และนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว

     "จังหวะ" ที่ใช่ . . ใน "เวลา" ที่ใช่  

     ฝ่ายวิเคราะห์สายงานวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า การจัดตั้งกองทุน TESG ใหม่ มาในเวลาที่เหมาะสมได้พอดี เพราะ ณ SET INDEX ตรงนี้ มี VALUATION ที่น่าสนใจมาก หลังดัชนีเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมี P/E เพียง 14.3 เท่า, PBV 1.22 เท่า และ DIVIDEND YIELD 3.5% น่าจะจูงใจให้เม็ดเงินไหลเข้ามาในกองทุน THAIESG ใหม่และตลาดหุ้นได้มากขึ้นในช่วงนี้

     ด้วยระยะเวลาการถือครองเพียง 5 ปี สั้นกว่ากองทุนประหยัดภาษีทั้งหมด และกระจายตัวซื้อในเวลาไหนของปีก็ได้ถือว่าดีกว่า LTF ที่ถือครอง 7 ปีปฏิทินมาก เพราะช่วยแก้ปัญหาเม็ดเงินไม่จำเป็นต้องไปกระจุกตัวซื้อกันในช่วงเดือน ธ.ค. เหมือน LTF ในอดีต ที่แรงซื้อเกือบ 45% อยู่ในเดือนนี้และแรงซื้อกว่า 65% กระจุกตัวเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ของปี และอาจจะช่วงพยุงตลาดในช่วยเวลาหุ้นตกหนักได้ดี

     ขณะที่เม็ดเงินที่เคยไหลออกไปกองทุนต่างประเทศ หลัง LTF หมดไปกว่า 1 แสนล้านบาทอาจจะไหลกลับเข้ามาบ้าง ตั้งแต่กองทุน LTF หมด สิทธิในการลดหย่อนภาษีในปี 2020 มีกองทุนต่างประเทศ (FIF) เพิ่มขึ้นจาก 743 กองทุน เป็น 1,174 กองทุน หรือเพิ่มขึ้นมากว่า 431 กองทุน หนุนให้มีเม็ดเงินสลับไปซื้อจน AUM เพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนล้านบาท แต่หลังจาก THAIESG ใหม่ พร้อมกับหุ้นย่อตัวลงมา ก็อาจจะหนุนให้เม็ดเงินดังกล่าวสลับเข้ามาซื้อได้บ้าง

     รวมถึงคาดหวังว่าเม็ดเงินจาก THAIESG ใหม่ ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น 6-7 หมื่นล้านบาท และหนุนให้กองทุนลดสถานะเงินสดและซื้อหุ้นเพิ่มขึ้นในพอร์ตช่วงเวลาที่เหลือของปี ในปีนี้สถาบันฯ ซื้อสุทธิหุ้นไทยน้อยมากเพียง 4.8 พันล้านบาท (YTD) เท่านั้น ทำให้ปัจจุบันมีการถือเงินสดอยู่ในระดับหนึ่งและบางกองทุนถือเงินสดถึงเกือบ 10% เลยที่เดียว

     ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าประเด็นนี้น่าจะหนุนให้กองทุนเพิ่มเงินในพอร์ต สร้าง WINDOW DRESSING ช่วงกลางปี และยังรอรับเม็ดเงินจากกองทุน THAIESG เข้ามาสมทบเรื่อยๆประเมินมีโอกาสใกล้เคียงกับเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่ 6-7 หมื่นล้านบาทต่อปี และเม็ดเงินทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท มักหนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1–2%

 

GULF นำทีมหุ้นน้ำหนัก ESG สูง

     บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดว่าฐานเม็ดเงินที่เข้าสู่กองทุน ThaiESG รอบนี้ จะสูงราว 7.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ SET ณ ปัจจุบัน ยังอยู่ใน Value Zone น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนเชิงบวกตลาดหุ้นไทยนับจากนี้ 

     โดยรวม KSS ประเมินเป็น “บวก” ต่อตลาดหุ้นไทยคล้ายสมัยมาตรการลดหย่อนภาษีผ่านกองทุน LTF ในอดีต เนื่องจากเป็นการเสริมสภาพคล่องของเงินลงทุนระยะยาวในประเทศให้กลับมาแข็งแรงขึ้น 

     กลยุทธ์แนะลงทุน "หุ้นใน SETESG" ที่มีคุณสมบัติราคาลงแรงกว่า SET -6.6%YTD ได้แก่ BTS, SCC, CRC, IVL, PTTGC, CPN, BBL, HMPRO และ กลุ่มที่มีน้ำหนัก (Weight) ใน ESG สูง ได้แก่ GULF, AOT, MTC, CPALL, GPSC

 

โผหุ้นใหญ่เกรด A น่าสะสม

     บทวิเคราะห์ บล.พาย ระบุเช่นกันว่าจากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ , ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันแถลงนโยบายกระตุ้นตลาดทุนด้วยการนำกองทุน TESG มาปรับเงื่อนไขใหม่ โดยปรับลดระยะเวลาถือครองลงเหลือ 5 ปีจากเดิม 8 ปี พร้อมเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเป็น 3 แสนบาท จากเดิม 1 แสนบาท โดยทาง ก.ล.ต. คาดการณ์เม็ดเงินใน TESG ตัวใหม่จะระดมทุนได้ราว 3 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ ยังเตรียมศึกษากองทุนรูปแบบอื่นเช่นกองทุนวายุภักษ์ 

     จากกรณีดังกล่าว มองบวกกับหุ้นขนาดใหญ่ที่มีคะแนน ESG ระดับ A ขึ้นไป (จากการให้คะแนนของตลาดหลักทรัพย์) ส่วนหุ้น ESG ระดับคะแนน A ขึ้นไปที่ยังปรับขึ้นน้อยในช่วง YTD ได้แก่ BRI, COM7, AH, SAT, AP, IVL, LH, HMPRO, BJC, BCH, BGRIM, CRC

 

รายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง