posttoday

CHAO ส่งแบรนด์ “เจ้าสัว” บุกตลาดโลก ดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศปี 69 พุ่ง 37%

30 พฤษภาคม 2567

CHAO วางแผนส่งแบรนด์ “เจ้าสัว” และ “โฮลซัม” เจาะตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ ชูแนวคิด “Bring Local to Global” ปักธงปี 69 เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศพุ่ง 37% สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ล่าสุด ยกทัพผลิตภัณฑ์ร่วมงาน ThaiFex Anuga Asia 2024

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 37% ของรายได้รวม ภายในปี 2569 จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 27.7% ของรายได้รวม 

โดยผ่านการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ในทุกโอกาส (Everyday Consumption) ด้วยการให้ความสำคัญกับการศึกษาความต้องการของลูกค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องให้เท่าทันเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน โดยนำเสนอจุดเด่นขนมขบเคี้ยวที่มีรสชาติอร่อย คุณภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาการสูง 

พร้อมทั้งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในกลุ่มประเทศเดิมที่มีการส่งออก และขยายไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตของตลาดขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ที่สูง โดยกลุ่มบริษัทวางแผนงานผลักดันแบรนด์ “เจ้าสัว” และ “โฮลซัม” ไปสู่ตลาดระดับโลก ภายใต้แนวคิด “Bring Local to Global” ชูจุดเด่นแบรนด์สินค้าจากประเทศไทย (Made in Thailand) ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี มีมาตรฐาน และเชื่อถือได้

ล่าสุด กลุ่มบริษัทฯ นำผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) อาทิ ข้าวตัง หนังปลา ปลาแผ่น ปลาแท่ง แครกเกอร์ธัญพืช เป็นต้น เข้าร่วมงาน ThaiFex Anuga Asia 2024 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตให้แก่กลุ่มบริษัท จากการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมด้านขนมขบเคี้ยวรูปแบบใหม่ๆ กับกลุ่มผู้ประกอบการในหลายประเทศทั่วโลก การพบปะคู่ค้าจากต่างประเทศ และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มบริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยัง 12 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทยังคงแสวงหาโอกาสการเติบโตในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ในแถบทวีปเอเชีย และประเทศในกลุ่มมุสลิม 

โดยมีแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 2 ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท โฮลซัม ทรี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์อื่นที่ไม่ใช่เนื้อหมู (Non-Pork) รองรับการขยายไปสู่ตลาดกลุ่มสินค้าฮาลาล ซึ่งปัจจุบันได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลแล้ว โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกในปัจจุบัน เช่น แครกเกอร์ธัญพืช หนังปลา ข้าวตังหน้าปลาหยอง เป็นต้น และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศแถบตะวันออกกลาง

กลุ่มบริษัทเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต จึงเตรียมความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิต การออกแบบรสชาติให้ถูกปากผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาค รวมทั้งการเป็นขนมขบเคี้ยวที่มีคุณค่าทางสารอาหาร เพื่อเป็นขนมขบเคี้ยวที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค (Better-for-You-Snack) ซึ่งจะช่วยผลักดันให้กลุ่มบริษัทขยายการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศใหม่ๆ และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในกลุ่มประเทศเดิมที่มีการส่งออกอยู่แล้วให้ครอบคลุมทุกมิติ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต

นางสาวณภัทร กล่าวว่า กลุ่มบริษัทวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจในต่างประเทศ ผ่านการทำการตลาดแบบประยุกต์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหาร และพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น (Localized Marketing Strategy) ทั้งด้านการสร้างสรรค์รสชาติ ขนาดของผลิตภัณฑ์ และการตั้งราคาที่เหมาะสม ผสานรวมกับการทำการตลาดแบบ 360 องศา โดยการออกบูธแสดงสินค้า สื่อสารทางการตลาด และสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าในต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อแนะนำสินค้าใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้ของแบรนด์ภายใต้พอร์ตโฟลิโอของกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น 

รวมทั้งการทำตลาดออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ โดยการว่าจ้าง Local KOL (Key Opinion Leader) เพื่อโปรโมทสินค้าของกลุ่มบริษัทผ่านช่องทาง Facebook และ TikTok เป็นต้น 

“เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างสรรค์อาหารรสชาติอร่อย ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่พิถีพิถัน วัตถุดิบคุณภาพสูง และมีคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อเป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้บริโภค หรือ Better for You Snack พร้อมกับสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผ่านการต่อยอดแบรนด์ไปสู่ตลาดระดับโลก เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว” นางสาวณภัทร กล่าว