posttoday

ถกด่วน! หุ้นร้อนไม่แขวน P เน้นเทรด Auction - รายใหญ่ขาย Short ต้องมีของ

28 กุมภาพันธ์ 2567

จับตา ตลท.นัดถกยกเลิกเครื่องหมาย P แขวนหุ้นร้อน ใช้จับคู่เทรด Auction-ปลดล็อคซิลลิ่งฟลอร์-สถาบันขาย Short ต้องโชว์พอร์ต พรุ่งนี้! ฟากโบรกเห็นพ้องยกระดับ Short Selling และ Program Trading สกัด Naked Short Selling แย้มปลดบ่วงหุ้นเล็กมาร์เก็ตแคปไม่ใหญ่ได้ลั้ลลา

     แหล่งข่าววงการตลาดทุน กล่าวว่า จับตาประชุมตลาดหลักทรัพย์ฯในวันพรุ่งนี้ (29 ก.พ. 2567) อาจหยิบยก 2-3 ประเด็นใหญ่ๆมาพิจารณา ทั้ง การใช้เครื่องหมาย P (Pause) ซึ่งเป็นเครื่องหมายห้ามซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราวที่ใช้กับหลักทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดให้เข้ามาตรการกำกับการซื้อขาย เนื่องจากสภาพการซื้อขายผิดปกติ แทนการใช้เครื่องหมาย SP (Suspension)ในอดีตนั้น อาจจะไม่ขึ้นเครื่องหมาย P ในหุ้นที่มีการปรับตัวร้อนแรง แต่จะกำหนดให้ใช้ระบบเทรดแบบ Auction แทน 

     ซึ่งการซื้อขายแบบ Auction ในเบื้องต้นคือ การเปิดจับคู่ซื้อขายวันละ 3 รอบ (Pre-open1, Pre-open2 และ Pre-close) โดยสุ่มเวลาจับคู่เหมือนหุ้นปกติ ขณะที่ ช่วง Break1 และ Break2 ไม่เปิดให้ส่ง order แต่สามารถ update หรือ cancel order ได้

     นอกจากนี้ สิ่งที่อาจพิจารณา คือ การยกเลิกเกณฑ์ "Ceiling & Floor" รวมถึงหากสถาบันต้องการขาย Short ต้องรายงานการมีหุ้นจริงก่อนขาย โดยไม่รอดูราคาปิด ณ สิ้นวันทำการ เพื่อป้องกันกรณีนักลงทุนขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นในมือ (Naked Short Selling) 

     ถามว่า เกณฑ์ใหม่ Short selling มีผลต่อหุ้นไทย อย่างไร ?

     นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ตามที่ ตลท.แถลงวานนี้ว่าจะมีบางมาตรการที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม Short selling ที่สามารถบังคับใช้ได้เร็วในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ นั่นก็คือ การปรับเพิ่มขนาด Market cap ขั้นต่ำ จากเดิม 5,000 ล้านบาท เป็น 7,500 ล้านบาท และการกําหนดให้หุ้นนั้นจะต้องมีสัดส่วน Turnover ratio มากกว่า 2% ต่อเดือน

     ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คงมุมมองเดิมจากสัปดาห์ก่อนว่า การบังคับใช้มาตรการดังกล่าวจะทําให้หุ้นขนาดเล็กบางตัวที่มีมูลค่าการซื้อขายรายเดือนไม่มากจะหลุดออกจาก Universe ซึ่งน่าจะทําให้ปัจจัยที่เคยกดดันราคาหุ้นมาตลอด บรรเทาลงได้ไม่มากก็น้อย อาทิเช่น LPN, WORK, DUSIT, HTC, ASP, SMPC, BGC, TTCL, STPI, TOG เป็นต้น

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯเห็นชอบมาตรการเพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มมาตรการในการทำ Short Selling และ Program Trading โดยคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์มอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์เร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวโดยเร็ว และในลำดับถัดไปจะนำส่งให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะส่งผลให้ความน่าสนใจในการทำ Short Selling ลดลง รวมถึงหุ้นบางตัวจะไม่สามารถทำ Short Selling ได้จากการเปลี่ยนเกณฑ์ดังกล่าว ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าหุ้นที่เหมาะต่อการเก็งกำไร ได้แก่ AOT, CPAXT, BTG, BSRC, MBK, TIPH, S, HTC, LPN

     บล.ทิสโก้ ระบุเช่นกันว่า ตามที่ บอร์ต ตลท.เห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อที่จะยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short Selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (Program Trading) หวังคุมผลกระทบและความผันผวนของราคาหุ้น ทั้ง มาตรการควบคุมการ Short Selling โดยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap.) ขั้นต่ำของหุ้นที่จะขายชอร์ตได้เพิ่มขึ้นจาก 5,000 ล้านบาท เป็น 7,500 ล้านบาท,เพิ่มข้อกำหนดด้านสภาพคล่องซื้อขายต่อเดือนเมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นจดทะเบียน (Monthly Turnover) ไม่น้อยกว่า 2% , กรณีที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากกว่า 10% จากราคาปิดของวันก่อนหน้า กำหนดให้ราคาขายชอร์ตต้องเป็นราคาที่สูงกว่าราคาล่าสุด (Uptick Rule)

     มาตรการควบคุม Program Trading กำหนดกรอบเคลื่อนไหวเป็นเปอร์เซ็นต์ เช่น +/- 10% จากราคาซื้อขายล่าสุด ซึ่งหากถึงระดับราคาดังกล่าวก็จะหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวก่อนเปิดซื้อขายใหม่ กรณีที่ราคาหุ้นมีความผันผวนมาก อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการซื้อขายของหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นแบบ Call Auction แทน 

    ฝ่ายวิเคราะห์มองมาตรการข้างต้นช่วยเพิ่มเสถียรภาพตลาดในระยะยาว แม้อาจส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายในระยะสั้นปรับตัวลดลงก็ตาม หุ้นที่เรามองอาจถูกเป็นเป้าหมายของ Short Covering คือ BTS, SCC, BANPU, SCGP, KBANK

     นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเกณฑ์ Short Selling ใหม่ อาจส่งผลเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นที่เคยถูกทำ Short Selling ตั้งแต่ต้นปีนี้ไม่สามารถทำได้ อาทิ LPN, WORK, DUSIT, HTC, S, HENG และ NOBLE เป็นต้น (คัดเลือกเฉพาะหุ้นที่มี % Short Sale Value > 3% ขึ้นไป)

     บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า ตลท.ยกระดับความเชื่อมั่นเรื่อง Short Selling และ Program Trading มองเป็น “บวก” ต่อ SET โดยมาตรการ Short Selling ในส่วนการพัฒนาระบบตรวจสอบการมีอยู่จริงของหลักทรัพย์ KCS มองบวกต่อแนวทางการควบคุมดังกล่าว โดยคาดจะช่วยลดระดับปริมาณ Short Selling ลง และสร้างความโปร่งใสในส่วนธุรกรรม Short Selling มากขึ้น โดยเป็นไปตามปริมาณที่มีอยู่จริงของหลักทรัพย์ต่างๆ และป้องกัน Naked Short ได้

    ขณะที่มาตรการ Program Trading จะลดความผันผวนระยะสั้นต่ำลง KCS มองบวกต่อระดับความผันผวนการเก็งกำไรในตลาดที่มีปริมาณลดลง ทำให้การลงทุนนักลงทุนจะโฟกัสที่พื้นฐานธุรกิจได้ดีขึ้นกว่าการที่ต้องติดตามความผันผวนรายวัน เพื่อบริหารความเสี่ยงราคาหุ้นที่ผันผวนระยะสั้น และหุ้นสะท้อนมูลค่าธุรกิจที่เป็นการลงทุนเพื่อระยะกลาง-ยาว 

     ส่วนการเปิดเผยข้อมูลความโปร่งใสจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน