posttoday

TRUE พุ่ง 10.69% รับแผนปี 67 ปักธงมีกำไร EBITDA โต 9-11% รายได้โต 3-4%

23 กุมภาพันธ์ 2567

ราคาหุ้น TRUE พุ่ง 10.69% รับเปิดแผนปี 67 ตั้งเป้ามีกำไรภายหลังการปรับปรุง รายได้บริการโต 3-4% ทั้งจากธุรกิจโมบาย-ออนไลน์-ดิจิทัล เซอร์วิส ส่วน EBITDA โต 9-11% จากการรับรู้ผลโยชน์จากการควบรวบ วางงบลงทุน 30,000 ล้านบาท พัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย-เตรียมพร้อมระบบไอที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE วันนี้ (23 ก.พ.) ปิดการซื้อขาย เพิ่มขึ้น 10.69% หรือเพิ่มขึ้น 0.70 บาท มาอยู่ที่ 7.25 บาท ปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 7.35 บาท ปรับตัวลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 6.65 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,269.48 ล้านบาท 

TRUE พุ่ง 10.69% รับแผนปี 67 ปักธงมีกำไร EBITDA โต 9-11% รายได้โต 3-4%

หลังจากบริษัทคาดว่าในปี 2567 จะสามารถทำกำไรภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ได้ในปี 2567 รายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จะเติบโต 3-4% EBITDA จะเติบโต 9-11% 

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทคาดจะสามารถทำกำไรภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ได้ในปี 2567 และสร้างความยั่งยืนในการทำกำไรได้ในปี 2568 

โดยบริษัทมุ่งให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง ได้แก่ สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า สร้างการเติบโต และรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) 

ในส่วนของรายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) ปี 2567 ตั้งเป้าหมายจะเติบโต 3-4% จากปีก่อน อิงตามคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ปีนี้ ที่ระดับ 2.5-3% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) 

ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้บริการในปี 2567 จะมาจากทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตั้งเป้าหมายขยายฐานลูกค้า 5G เป็น 16 ล้านราย จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 10.5 ล้านราย 

ธุรกิจออนไลน์ ตั้งเป้าหมายมีลูกค้าเพิ่มเป็น 4 ล้านราย จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 3.8 ล้านราย และธุรกิจดิจิทัล เซอร์วิส ตั้งเป้าหมายมีลูกค้ามากกว่า 40 ล้านราย 

ขณะที่ EBITDA ปี 2567 ตั้งเป้าหมายจะเติบโต 9-11% เนื่องจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม (Synergy) โดยคาดว่าผลประโยชน์จากการควบรวมขั้นต้น (Gross Synergy) ไว้ที่ 20,000-25,000 ล้านบาท 

ด้านอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt to EBITDA) คาดว่าปี 2567 จะต่ำกว่า 5% และปี 2568 จะอยู่ระดับ 4.5% 

“ในปี 2567 จะกลับมาจ่ายปันผลได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) แม้ปีนี้ตั้งเป้ามีกำไร” นายนกุล กล่าว 

สำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนรวมงบลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (CAPEX) ประมาณการณ์ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท ใช้สำหรับพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) เป็น 10,000 แห่ง ในปีนี้ จาก 2,000 แห่ง ในปีก่อน รวมทั้งใช้สำหรับเตรียมความพร้อมระบบไอที รองรับการใช้งานในอนาคต ทำดิจิทัล และลงทุนรองรับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ 

ขณะเดียวกัน คาดว่าบริษัทจะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในช่วงไตรมาส 2/2567 จากก่อนหน้าประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ในเดือน ม.ค.2567 จำนวน 10,500 ล้านบาท