posttoday

SET ชะลอตัวบ้าง แต่ภาพรวมยังดี แนะ “Selective Buy” ชู CPALL และ KTB

23 กุมภาพันธ์ 2567

SET ชะลอตัวสลับบ้าง เพื่อลดความร้อนแรงจากภาวะ overbought ในระยะสั้น แต่ภาพรวมยังดี กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPALL และ KTB

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET คาดมีการชะลอตัวสลับบ้าง เพื่อลดความร้อนแรงจากภาวะ overbought ในระยะสั้น ทำให้ในระยะสั้นมี upside จำกัด บริเวณแนวต้าน 1,410 และ 1,415 จุด ตามลำดับ อย่างไรก็ ตาม ในภาพรวมยังมีสัญญาณที่ดี ทำให้การชะลอตัวมีแนวรับบริเวณ 1,395 และ 1,390 จุด ตามลำดับ เป็นจุดรองรับ หากไม่ต่ำกว่า ยังเป็นสัญญาณที่ดี

ทั้งนี้ ช่วงสั้นตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากไร้ปัจจัยหนุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของ บจ. ไทย ที่จะทยอยออกมา ซึ่งคาดยังมีแนวโน้มอ่อนแอ นอกจากนั้นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังจะทยอยออกมามองตลาดรับรู้ไปแล้วในระดับหนึ่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ ”Selective Buy“ ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมาในไทยฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองมากนัก เลือก AOT MINT

2) หุ้นปันผลคุณภาพดีที่คาดประกาศจ่ายเงินปันผลในสัปดาห์นี้ (XD ในช่วง มี.ค.-พ.ค.นี้) โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2566 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO ZEN CPF BTG AU AWC SIRI 

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรปกติที่ 4.8 พันล้านบาท เติบโต 59%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นธุรกิจ CVS ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายโบนัสที่ลดลงจากฐานสูงปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT (ดอกเบี้ยจ่ายลดหลังรีไฟแนนซ์หนี้เสร็จ) คาดกำไรปกติปี 2566 เติบโตสูง 36% YoY

KTB คาดกำไรปี 2567 โต 12%YoY หนุนจาก Credit cost ลดลงจากการตั้งสำรอง management overlay น้อยลง และการเติบโตสินเชื่อฟื้นตัว อีกทั้ง NIM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ Valuation ยังถูก และมี Div. Yield ที่ดี คาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2566 ที่ 0.92 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield 5.5%