posttoday

SET หากต่ำกว่า 1,377 จุด เป็นลบ แนะ “ตั้งรับ” ชู KCE และ ADVANC

06 กุมภาพันธ์ 2567

SET หากต่ำกว่า 1,377 จุด เป็นลบ กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ KCE และ ADVANC

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เริ่มชะลอตัว ขณะที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า บาทอ่อน และ fund flow เริ่มกลับมาไหลออก เป็นปัจจัยกดดันดัชนี โดยมีจุดติดตามบริเวณแนวรับ 1,377 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ ส่วน กรณียังยืนแนวรับดังกล่าวได้ ดัชนีจะชิกแซกขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 1,390 และ 1,396 จุด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET อยู่ในภาวะเปราะบางและการฟื้นตัวยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังคาดเงินเฟ้อไทยและจีน ม.ค. มีแนวโน้มหดตัว, กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 7 ก.พ. อีกทั้งดัชนี PMI ภาคบริการ ม.ค. ของสหรัฐ จีน และอียู จะชะลอตัวลง นอกจากนั้นผลประกอบการไตรมาส 4/2566 ของ บจ. ไทยอาจออกมาอ่อนแอและยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับ ซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.-พ.ค.นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2566 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2567 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง 

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2566 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO GLOBAL CRC ZEN AU CPF BTG ONEE AWC SIRI 

ส่วนระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KCE มองน่าสนใจสุดในกลุ่มอิเล็กฯ คาดไตรมาส 3/2566 เห็นสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้น ส่วนปี 2567 คาดกำไรสุทธิโต 48%YoY จากการเติบโตของ EV ที่เป็นกระแสของโลกในอนาคตและบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ขณะที่ Valuation ไม่แพง ซื้อขายบน PER 67F ที่ 24.0x ต่ำกว่า PER 5 ปีย้อนหลังที่ 32.9x

ADVANC ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรปกติที่ 7.4 พันล้านบาท แม้จะลดลง 1.9%QoQ จากผลกระทบของดีลคลื่น 700MHz และดีล 3BB รวมทั้งไฮซีชั่นของ ค่าใช้จ่ายการตลาด แต่จะเติบโต 9.6%YoY จากการฟื้นตัวของรายได้ การแข่งขันที่น้อยลงในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจ FBB และการควบคุมต้นทุน