posttoday

SET ขาดปัจจัยหนุน ทำให้ฟื้นตัวจำกัด แนะ “ตั้งรับ” ชู CPALL และ GULF

22 มกราคม 2567

SET ขาดปัจจัยหนุน ทำให้การฟื้นตัวจำกัดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,370-1,402 จุด กลยุทธ์การลงทุน “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” แนะนำ CPALL และ GULF

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า แม้ SET ได้ sentiment บวก จากตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้มองการฟื้นตัวจำกัด โดยมีกรอบบนบริเวณแนวต้าน 1,390 และ 1,402 จุด ตามลำดับ ซึ่งใช้เป็นจุดติดตาม หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณบวก ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,375 จุด หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,370 จุด

ทั้งนี้ ช่วงในตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดตลาดจะมีการปรับลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดลง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เงินเฟ้อ ตลาดแรงงานและการผลิตไม่ได้แย่อย่างที่กังวล ซึ่งทำให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสพักฐานในช่วงสั้น ขณะที่ในประเทศเองยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ กลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น "ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด" ใน 2 ธีมหลัก ดังนี้ 

1) นักลงทุนระยะกลางที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี เลือก AP BCP และ KTB โดยใช้หลักเกณฑ์ คือ มีสถิติจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป, มี SET ESG Rating ระดับ AAA/AA, คาดให้ Div. Yield ที่เหลือหลังหักเงินปันผลที่จ่ายระหว่าง กาลไปในระหว่างปี 2566 สูงเกิน 5% และปี 2567 ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต YoY

2) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Rating ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 54%YoY และ 9%QoQ เติบโตดีสุดในกลุ่มพาณิชย์จากยอดขายที่ดีขึ้นและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงหลังรีไฟแนนซ์หนี้ของ CPAXT เสร็จสิ้นเมื่อ เม.ย.2566 คาดกำไรปี 2566 โต 36% YoY และโตต่อ 17%YoY ในปี 2567 มองราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง

GULF ไตรมาส 4/2566 คาดกำไรโตต่อจากโรงไฟฟ้า IPP (GPD) อีก 1 หน่วยเริ่มดำเนินการในเดือน ต.ค.2566 รวมทั้งกำไรจาก Jackson Generation เพิ่มขึ้น คาดปี 2566 กำไรปกติโต 32% YoY และ 28%YoY ในปี 2567 อีกทั้งราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PER และ PBV ปี 2567 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี