posttoday

เช็คลิสต์! 7 ความผิดพลาดทำเฟลหุ้นปี66 ทริคไม่พลาดซ้ำปี67

31 ธันวาคม 2566

“จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์” หรือ “น้าแดง” แห่ง บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิด 7 ความผิดพลาดปี 2023 เรียนรู้เพื่อไม่พลาดซ้ำในปี 2024

     “น้าแดง - จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์” หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ โพสต์ในเพจ Liberator Securities ในหัวข้อ "7 โครตเฟลหุ้น 2023 โดย #น้าแดงLIB" ระบุว่า เปิดแนวคิดง่ายๆในตลาดหุ้นคือ “ถ้าเราไม่ทำผิดพลาดซ้ำ โอกาสที่จะชนะในครั้งถัดไปก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ” เพราะจริงๆตลาดหุ้นมันก็มีท่าให้แพ้ไม่กี่ท่า หากเราเข้าใจมันและหลีกเลี่ยงท่าที่เคยโดนแล้ว มันก็คงเหลือไม่กี่ท่าให้เราแพ้(ฮา) 

เช็คลิสต์! 7 ความผิดพลาดทำเฟลหุ้นปี66 ทริคไม่พลาดซ้ำปี67      วันนี้ "น้าแดง" มารีวิว 7 ความพลาดในปี 2023 เอาไว้เตือนใจชาว LIBFAM จะได้ไม่พลาดซ้ำในปี 2024  

     1. เป้าที่ร้อนแรงต้นปี : เพราะผู้บริหารมักตั้งเป้าสูงๆไว้ก่อน ข้อดีคือ ทำให้ดูมุ่งมั่นแข็งขัน คนฟังก็เคลิ้มจนมือคันซื้อหุ้นไปด้วย แต่ข้อเสียคือ หากทำไม่ได้ตามเป้า ราคาหุ้นจะถูกทำโทษแรง คนซื้อต้นปีเลยกลายเป็นติดดอยตั้งแต่ต้นปี 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : จงรอดูงบ 1Q หรือ 2Q ก่อน แล้วคอยฟังโทนเป้าหมายของ ผบห. ว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ ค่อยตัดสินใจเชื่อ ในปี 2023 หลาย บจ. มีการปรับเป้าลงตลอดทาง 2-3 ครั้งเลยทีเดียว และโดยสถิติบอกว่า SET EPS ตอนต้นปี มักจะสูงกว่า EPS จริงๆตอนท้ายปีราว 7% ดังนั้นการรอคอยสัก 3-4 เดือนเป็นเรื่องที่ดี การรีบจัดหนักตั้งแต่ต้นปีอาจพลาดได้นะ

     2. IPO แจกตังค์ : เจ้าของก็อยากได้ตังค์เยอะๆ  FA และ โบรกเกอร์ ก็อยากได้ค่าธรรมเนียมแยะๆ เลยนำมาซึ่งการตั้งราคา IPO สูงๆ ผสมกับกระบวนการ PR ประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทำให้ นลท.ที่ติดภาพเดิมๆว่า IPO ยังไงก็วิ่งกระจาย จึงมักกลายเป็นเหยื่อ 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : นักลงทุนต้องแม่นเรื่อง valuation อ่านให้ออกอ่านให้ขาดว่า ราคาขายนั้นถูกหรือแพง และต้องรู้เท่าทันเกมส์จัดสรรหุ้น รวมถึงโครงสร้าง IPO ว่ามาเพื่อระดมเงินทุนขยายกิจการ หรือ มาเพื่อสร้างความร่ำรวย เหล่านี้ต้องใช้ประสบการณ์สูง

     3. ไม่ขายไม่ขาดทุน :  ไม่ว่าจะลงทุนสไตล์ไหน การจำกัดความเสียหายด้วยการStop loss เป็นสิ่งที่ต้องมี แค่อาจต่างกันได้จากวิธีการลงทุนที่ต่างกัน โดยหลักง่ายๆในการสร้างเงื่อนไขเพื่อ stop loss คือ “การผิดแผนการลงทุน” เช่น หากลงทุนแบบ VI จุด stop loss อาจใช้อัตรากำไรขั้นต้นรายไตรมาสที่ต่ำกว่า x% ที่ยอมรับได้ หรือ หากเป็นสาย day trade ก็อาจใช้การขาดทุน 2-3% หรือ เวลาถือหุ้น 30-60 นาที เป็นจุดตัดสินใจก็ได้ หรือ หากเป็นสายโมเมนตัมไม่มีเวลาดูหุ้นมาก ก็อาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 5-10 วัน เป็นจุดตัดสินใจได้ จะเห็นว่าทั้งหมดมันอยู่ที่การวางแผนแต่แรก 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : ก่อนซื้อหุ้น 1.เราจะลงทุนด้วยรูปแบบอะไร เดย์เทรด / vi / โมเมนตัม 2.กำหนดขนาดความเสียหายที่ยอมรับได้ก่อน 3.สร้างจุดตัดสินใจว่า ถ้าจะstop loss เราจะใช้อะไรเป็นตัวตัดสินใจหลัก

     4. Rating ดีไม่มีเจ๊ง : เครดิตเรตติ้ง หรือ คะแนน ESG ต่างๆ หรือ การได้บรรจุในดัชนี SET50/100 หรือ MSCI เป็นเพียงการเอาข้อมูลการเงิน ข้อมูลการซื้อขาย สภาพคล่องในอดีต มาสร้างให้เป็นรูปธรรมในรูปแบบง่ายๆเพื่อให้ผู้ที่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล หรือ ผู้มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินไม่มากเอาไปร่วมตัดสินใจลงทุน ซึ่งมันจะมีรอบของการทบทวน (Rebalance, Review) ทำให้เราต้องเข้าใจว่าคะแนนต่างๆข้างต้น มันย่อมไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นทุกวันได้ 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : นักลงทุนต้องศึกฝนการดูงบรายไตรมาสให้มากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการฝึกอ่านอัตราส่วนด้านสภาพคล่อง เช่น Cash conversion cycle, Inventory days, AR days และ D/E ratio, Cash flow from Operation, Current portion of Long term debt/debenture เป็นต้น โดยหุ้นที่มีปัญหาทางการเงินในปี 2023 นั้น จริงๆแล้วเค้าได้มีสัญญานออกผ่านอัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้มาแล้วหลายไตรมาส ใครช่างสังเกตจะรอดจากเหตุการณ์นี้

     5. ยึดติด Valuation แต่ลืมเรื่องสภาพคล่อง : ปัจจัยที่มีผลกับราคาหุ้นมี 3 ส่วนง่ายๆ คือ "ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ + ความคาดหวังข้างหน้า + สภาพคล่องของตลาด" โดยน้ำหนักจะแตกต่างกันในบางเวลา ในยาม “ตลาดกระทิง” ความคาดหวังจะมีบทบาทมาก หุ้นสามารถเทรด P/E สูงๆได้อย่างไม่เคอะเขิน การประเมินมูลค่าด้วย P/E 30x หรือ PEG 1.0x กลายเป็นเรื่องปกติ 
     แต่ในทางตรงข้ามในยาม “ตลาดหมี” (อาจดู SET indexต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นเกณฑ์ก็ได้) ความคาดหวังแทบไร้ค่า P/E 10-15 เท่า พอจะคุยกันได้ แต่ความโหดสุดๆคือ ในยาม “ตลาดไม่เชื่อมั่น” ว่าเงินที่นักลงทุนใส่ไปจะได้อะไรกลับมาไหม เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า ส่งผลให้สภาพคล่องไหลออกจากตลาด รู้ไหมว่าประเด็นนี้ สามารถกด P/E ให้ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานได้เลย อย่างประเด็น Naked short ยังโบ้ยกันไม่จบ จนส่งผลให้ความเชื่อมั่นหดหาย ทำให้มูลค่าซื้อขายปลายปี 2023 เหลือเพียงวันละ 3 หมื่นล้านบาท+/- (จากเฉลี่ย 7.1 หมื่นล้านบาทในปี 2022) จนทำให้มีหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน(Undervalued) เต็มตลาด หลายๆตัวต่ำกว่าช่วง Lockdown จาก COVID-19 ในปี 2020 ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีกว่ามาก จนเซียนหลายๆคนที่ชอกช้ำจากตลาดต่างประเทศ หรือ จากกฎหมายภาษีใหม่ ยังเริ่มกลับมาเลือกหาหุ้นไทยดีๆหลายคน 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : จงมีสติ ยอมทำความเข้าใจในพฤติกรรมตลาด แล้วหา valuation ที่ปัจจัยพื้นฐาน(เนื้อๆ)ให้เจอก่อน แล้วทยอยซื้อหุ้นที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ในทางตรงข้าม หากสภาพคล่องกลับมาคึกคัก คุณก็อาจต้องเพิ่มความกล้าเข้าไป

     6. มั่นใจในสถิติ : แม้ในบางกรณีจะมีสถิติแน่ชัดว่า หากเกิดเหตุการณ์นี้ หุ้นจะต้องขึ้นแทบทุกครั้ง แต่มันก็จะมีบางครั้งที่ไม่เป็นไปตามนั้น เช่น Rally election ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีสถิติดีมาตลอดปลายสิบปีที่ผ่านมา ทุกคนประสานเสียงหุ้นไทยปลดล๊อควิ่งแน่ๆ แต่ทว่าปี 2023 นี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าในแต่ละเหตุการณ์ เราต้องเทียบเคียงถึงไส้ในหรือบริบทว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรด้วย ดังนั้น ชื่อเหตุการณ์เดียวกัน แต่ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกันได้ สถิติในอดีตจึงเป็นเพียงตัวบอกโอกาสในอนาคต แต่ไม่ได้เป็นการการันตี โดยตลาดถูกเสมอและจะเป็นคนเฉลยคำตอบ
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : ใช้สถิติเพื่อเป็นแนวทาง แต่ไม่ควรเชื่อสถิติ 100% กลยุทธ์ที่ดีคือ เชื่อแค่ไหน ก็ใส่เงินเท่านั้น

     7. เสพภาพมหภาค จนพลาดหุ้นดี : ปี 2023 มีหุ้นที่ outperform มีหลายกลุ่ม เช่น นิคมอุตสาหกรรม เครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งจริงๆผลกำไรที่แสดงรายไตรมาส หรือ ตีมการลงทุน มันไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย เพียงแต่ว่าเสียงของข่าวสารด้าน Macro ที่นักเศรษฐศาสตร์มหภาคออกมาประสานเสียงเล่าถึงความน่ากลัวสยดสยอง ทั้งเรื่องนโยบายการเงินของเฟด, Inverted yield curve หรือ เศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ Recessionทำให้ความกล้าที่จะถือหุ้นดีๆเหล่านั้นลดลงอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่บริษัทเหล่านั้น มีความเก่ง มีภูมิต้านทานที่ดี (จาก business model หรือ ผบห.ที่เก่ง) หรือแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : เปลี่ยน mindset เสียใหม่ว่า ภาพ Macro เป็นข่าวสารที่ทำให้ตลาดผันผวน เป็นเรื่องคอยเตือนให้เราตระหนัก แต่ไม่ได้เป็นสรณะในการตัดสินใจ แต่หากความเก่งของบริษัทที่เราสนใจไม่ได้เปลี่ยนแปลง ไม่ได้รับผลกระทบ เป็นสิ่งที่เราต้องสนใจมากกว่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในการทยอยซื้อหุ้นที่เรามั่นใจในราคาที่ต่ำ

     น้าแดง LIB หวังว่า 7 ความเฟลนี้จะไม่เกิดซ้ำในปีหน้านะครับ พวกเรา LIB talks ทุกเช้าๆจะพยายามย้ำเตือนเรื่องพวกนี้บ่อยๆ เพื่อครอบครัว LIBFAM จะได้ไม่พลาดพลั้งกัน และจะได้ประสบความสำเร็จในปีมังกร 2024 ไปด้วยกันนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ซันเดอร์แลนด์ พบ นิวคาสเซิ่ล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68