หุ้นไทยแกว่งกรอบ 1395-1415 กราฟ V shape เน้นเทรดตามน้ำ
วอลุ่มซื้อบางเฉียบ Fund Flow ต่างชาติอ่อนแรงกดดัชนีหุ้นไทยแกว่งกรอบ 1,395 - 1,415 จุด เน้นเลือกหุ้นสตอรี่บวกเฉพาะตัว
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index เพิ่มขึ้น 4 จุด (+0.32%) ปิดที่ระดับ 1,405 จุด นักลงทุนยังเข้าซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ อิเล็กฯ, ไฟแนนซ์ และโรงไฟฟ้า แต่ ดัชนีปรับขึ้นจำกัดเนื่องจากมีแรงเทขายหุ้นกลุ่ม ปตท. คอยกดดัน
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(22 ธ.ค.66)ประเมิน SET แกว่งตัวกรอบ 1,395 - 1,415 จุด แม้ดัชนีจะยังคงได้แรงหนุนจากคาดการณ์ FED จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือน มี.ค.2567 หลัง GDP ไตรมาส 3/66 สหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาด รวมถึงเม็ดเงิน RMF SSF TESG ในช่วงท้ายปี อย่างไรก็ตาม Volume ซื้อขายที่ค่อนข้างบาง รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่ชะลอตัวจะกดดันให้ดัชนีผันผวน จึงแนะนำ Selective buy ต่อไป
"กราฟ SET ยังคงไต่ระดับขึ้นไปตามการกลับตัว V shape และยืนเหนือเส้น EMA 10 วันต่อเนื่อง รวมถึงเครื่องมือ MACD + RSI ชี้ขึ้นเป็นสัญญาณบวกทั้งคู่ ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นแนวต้าน 1,410 - 1,415 จุด อย่างไรก็ตามแนะนำเข้าซื้อแบบเก็งกำไร เนื่องจากการที่ Volume ค่อนข้างบางจะส่งผลให้ดัชนีผันผวนและสลับอ่อนตัวลง แนวรับ 1,400 / 1,395 จุด และถือหุ้นได้หากไม่หลุด 1,390 จุด"
หุ้นแนะนำวันนี้คือ KCE (ปิด 56.75 ซื้อ/ เป้าสูงสุด IAA Consensus 65 บาท) ได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ มี Sentiment บวกจากหุ้นในกลุ่มเซมิคอนดัก เตอร์ในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นรวมถึงหุ้นในกลุ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้นเป็นบวกต่อ KCE โดยตรงเนื่องจากชิ้นส่วนหลักของ KCE ถูกใช้ในกลุ่มยานยนต์
และ CBG (ปิด 82.75 ซื้อ/เป้า 93.60 บาท) ได้ Sentiment บวกราคาน้ำตาลร่วง แรงสู่ระดับ 20.2 เซนต่อปอนด์ ลดลง 28%เมื่อเทียบจากจุดสูงสุดที่ระดับ 28 เซนต์ต่อปอนด์ในช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาช่วยลดต้นทุนการผลิตและหนุนมาร์ จิ้นเพิ่ม ด้านรายได้และกำไรจะเร่งตัวขึ้นใน 4Q23 จากการรับรู้รายได้ผลิตขวดและจัดจำหน่ายเบียร์เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+/-)กองทุน ThaiESG ยังไม่ปัง มียอดขาย IPO เพียง 1.2 พันล้านบาท คิดเป็น 12% จากเป้าหมายรวม: จากการรวบรวมข้อมูลการเปิดขาย IPO ของ กองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG Fund ในช่วงวันที่ 8 – 20 ธ.ค. ที่ผ่านมาจำนวน 24 กองทุนมียอดขายรวมเพียง 1.2 พันล้านบาท คิดเป็น 12.2% ของเป้าปีนี้ที่ ภาครัฐตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนหุ้น 899 ล้านบาท พันธบัตร 130 ล้านบาท และกองทุนผสม 189 ล้านบาท
(+) ดาวโจนส์ฟื้นตัวยังคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ยหลัง GDP ไตรมาส 3/66 ของสหรัฐไม่ได้ร้อนแรงเกินไป: ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 322.35 จุด (+0.87) ปิดที่ 37,404 จุด หลังสหรัฐปรับลดตัวเลข GDP ในการประกาศครั้งที่ 3 ลงเหลือขยายตัว 4.9% จาก 5.2% ในประมาณการณ์ครั้งที่ 2 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.2% ปัจจัยนี้ เพิ่มความมั่นใจให้กับตลาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีหน้า
(+/-) คืนนี้ติดตามตัวเลข PCE Price Index เดือน พ.ย. เพื่อชี้วัดทิศทางเงิน เฟ้อและดอกเบี้ยของสหรัฐ: เบื้องต้น Consensus คาด Headline PCE เดือน พ.ย. จะลดลงสู่ระดับ 2.8% จาก 3% ในเดือน ต.ค. และคาด Core PCE จะลดลงสู่ระดับ 3.3% จาก 3.5% ในเดือน ต.ค. (หาก PCE ลดลงต่ำกว่าที่คาด เฟดจะคง ดอกเบี้ยระดับสูงเป็นเวลานานกดดัน Sentiment)


