27 หุ้นเด่น ลุ้นเฟดลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
เปิดโผ 27 หุ้นเด่น ลุ้นเฟดปรับลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยรับ Sentiment เชิงบวก ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้า
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ตามที่ นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับปัจจุบันอยู่ในระดับที่เข้มงวดมากเพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของ FED ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 2%
นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ FED อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถหลีกเลี่ยงภาวะ RECESSION ได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ BOND YIELD 10 ปี สหรัฐ ปรับตัวลงแรงกว่า 47 BPS. (MTD) เปรียบเสมือนตอบรับการลดดอกเบี้ยไปแล้ว 1-2 ครั้ง จนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 4.26%
ขณะที่ในมุมของ FED WATCH TOOL นักลงทุนมองว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.50% ถึงช่วงต้นปีเท่านั้น และจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่การประชุมเดือน มี.ค.2567 (ก่อนหน้านี้คาดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน พ.ค.2567) จนสิ้นปีคาดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 4.25%
ดังนั้นการที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีโอกาสปรับตัวลงเร็วกว่าคาด หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง และทำให้ FLOW ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้า SET INDEX ในระยะถัดไป เพราะนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม โดย 5 หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ประกอบด้วย
- กลุ่มเช่าซื้อ - THANI, MTC, TIDLOR, SAWAD, ASK, AEONTS, BAM, JMT
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก - KKP, TISCO
- กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ - SPALI, LH , AP, ORI, QH, SIRI
- กลุ่มที่ให้ปันผลสูง (HIGH YIELD) - NER, ADVANC, SCC, TU, MAJOR
- กลุ่มได้ประโยชน์ดอกเบี้ยจ่ายลด (NET DEBT) - BGRIM, GULF, MINT, CPALL, CRC, TRUE
กนง.ลด ดบ.เหลือ 2.25% ดันเป้าดัชนีฯ ปี 67 แตะ 1,795 จุด
ขณะที่ในบ้านเรา คาดว่าจะเห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นเช่นกัน หลังจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2566 ผลการประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของปีที่ไม่ขึ้นดอกเบี้ย (ในปีนี้ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 5 ครั้งติดต่อกันจาก 1.25% เป็น 2.5%)
ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยี่กำลังฟื้นตัว รวมถึงรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งในเดือน ต.ค. ดุลบัญชีเดินสะพัดไทยอยู่ที่ 0.66 พันล้านเหรียญ เกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยในระยะถัดไปเชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการส่งออกที่มีทิศทางขยายตัวเด่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนที่ดีต่อเงินบาทให้พลิกกลับมาแข็งค่า และเป็นบวกต่อ FUND FLOW
ขณะเดียวกัน BOND YIELD ระยะยาวของไทยยังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หนุนให้ผลต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทย - POLICY RATE ไทย มี GAP แคบลงเรื่อยๆ ล่าสุดอยู่ที่ 0.47% เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีต พบว่า กนง. มักจะลดดอกเบี้ยภายใน 0-2
เดือน หลังผลต่างของ BOND YIELD 10Y - POLICY RATE ของไทย ต่ำกว่า 50 BPS. จนถึง 0
ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดฯ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินตามกลไกดอกเบี้ยที่ลดลง 25 BPS. (จาก 2.5% เป็น 2.25%) มีโอกาสที่จะเป็นแรงผลักให้ SET INDEX ปรับตัวสูงขึ้น 78 จุด จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้ 1,717 จุด