posttoday

กลุ่มMBKจัดผังธุรกิจคาดปีนี้ทำรายได้กว่าหมื่นล้านส่วนปีหน้าเติบโต5-10%

26 พฤศจิกายน 2566

อัปเดตแผนกลุ่ม MBK หลังปรับโครงสร้างธุรกิจ ชี้ปีนี้เก็บรายได้เกิน 1 หมื่นล้าน ส่วนปีหน้าคาดเติบโต 5-10% เตรียมอัดทุน 2.5 พันล้าน รอจังหวะส่งกิจการในเครือที่มีศักยภาพ Spin-Off เข้าตลาดหุ้น

นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บมจ. เอ็ม บี เค หรือ MBK เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจกับ PostToday ว่าล่าสุดกลุ่ม MBK ได้มีการจัดแบ่งกลุ่มธุรกิจให้ชัดเจนขึ้น โดยปัจจุบันประกอบด้วย 8 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธุรกิจศูนย์การค้า ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจกอล์ฟ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเงิน ธุรกิจการประมูล และศูนย์สนับสนุนองค์กร โดยได้กำหนดให้มีการบริหารภายในกลุ่มธุรกิจ เพื่อให้การบริหารจัดการได้คล่องตัวและโฟกัสมากขึ้น เช่นเดียวกับช่วยให้การจัดการเรื่องบุคลากรดีขึ้น ตลอดจนเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดดีล joint venture ได้ง่ายขึ้นด้วย

โดยปัจจุบันเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนรายได้ให้แก่ MBK ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าและการเงิน รองลงมาคือโรงแรมกับร้านอาหาร แต่กลุ่มที่สร้างผลผลกำไรดีสุดคือกลุ่มการเงินและโรงแรมที่มีรายได้สม่ำเสมอกว่าธุรกิจกลุ่มอื่น ๆ 

"สำหรับปีนี้ทั้งกลุ่ม MBK คาดว่าจะทำรายได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท และมองการเติบโตในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 5-10% แม้จะมีปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ยังต้องจับตามองไม่ว่าการท่องเที่ยวที่อาจไม่ได้ตามเป้า สินเชื่อครัวเรือนที่ยังสูง และตัวเลขการส่งออกของไทยที่ยังไม่ดีนัก จึงต้องทำธุรกิจที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงและรู้จักลูกค้าอย่างถ่องแท้" 

สำหรับแผนการแยก (Spin-Off) บริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ เพื่อผลักดันให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายวิจักษณ์เปิดเผยว่า ในอนาคตก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะ Spin-Off บริษัทในเครือจาก 8 กลุ่มธุรกิจออกมาเพื่อตั้งป็นบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนได้เองและมีโอกาสเติบโตด้วยการทำ joint venture ได้มากขึ้น แต่ยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือกำหนดเวลาที่ชัดเจนในระยะอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทในเครือยังสามารถระดมทุนผ่านบริษัทแม่อย่าง MBK ได้อยู่แล้ว แต่มองว่าธุรกิจในเครือที่น่าจะมีศักยภาพและมีความพร้อมสุดที่จะ Spin-Off ออกไปได้คือโรงแรม แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนว่าควรเป็นอย่างไร

ยกเครื่องธุรกิจหลัก

ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

ทั้งนี้ศูนย์การค้ามาบุญครอง ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าเปิดให้บริการมากกว่า 90% แล้ว เพราะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ ด้วยกลยุทธ์สำคัญมาจากการที่เข้าใจลูกค้าจากการทำแบบสำรวจทุกเดือนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำในการนำไปใช้บริหารแผนธุรกิจ โดยก่อนที่จะเกิดวิกฤตโควิด19 มาบุญครองเน้นการต้อนรับนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ สัดส่วน 60% ขณะที่คนไทยมีเพียง 40% 

ปัจจุบันศูนย์การค้ามาบุญครอง ได้เปลี่ยนรูปแบบให้ต้อนรับคนไทยมากขึ้น เปิดร้านอาหารเพิ่ม และที่สำคัญคือการเปิดร้าน ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับคนไทย จึงช่วยขยับอัตราส่วนลูกค้าคนไทยขึ้นเป็น 60% ส่วนชาวต่างชาติ 40% รวมถึงมีจำนวนผู้เข้ามาเดินห้างฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ที่เฉลี่ย 72,000 คนต่อวันเป็นกว่า 80,000 คนต่อวัน

ขณะที่ Riverdale District ที่นับเป็นโปรเจคเรือธงของกลุ่ม MBK โดยเป็นโครงการ Mixed-Use บนพื้นที่ 1,500 ไร่ ที่ปัจจุบันได้ดำเนินโครงการในเฟสที่ 1 เสร็จสิ้นแล้วทั้งหมด ส่วนแผนดำเนินการในเฟสที่ 2 นั้น คือการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติเต็มรูปแบบ การเปิด Health and Wellness Center ไปจนถึงการพัฒนาอาคารสำนักงาน แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรและรอจังหวะเวลาเหมาะสมเมื่อเมืองขยายตัวมากขึ้นแล้ว

นอกจากนี้ ในส่วน Riverdale Marina ซึ่งปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักคือคนไทยระดับ luxury นั้น บริษัทมีแผนเพิ่มเติม Marina Plaza ที่เป็นเหมือน one stop service สำหรับกิจกรรมเล่นเรือยอร์ช ที่มีศูนย์รวมเกี่ยวกับอุปกรณ์เรือทั้งหมด สอนการขับเรือ แล้วยังครอบคลุมไปถึงการจัดการต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินเรือ เช่น ออกเอกสารต่าง ๆ ติดต่อกรมเจ้าท่า ฯลฯ 

สำหรับแผนงานในปีหน้านั้น นายวิจักษณ์เปิดเผยว่าตรียมงบลงทุนเพิ่มเติมไว้ที่ 2.5 พันล้านบาท โดยจะเน้นลงทุนในด้าน operation ของตัวธุรกิจที่เบริษัทได้ลงทุนไปแล้วในปีนี้ เช่น ศูนย์การค้าพาราไดซ์ เพื่อช่วยให้เร่งจัดการได้ดีและเติบโตเร็วขึ้น รวมถึงเน้นทำการตลาดสำหรับโรงแรมทินิดี เทรนดี้ กรุงเทพ ข้าวสารที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วย ตลอดจนมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ 

Riverdale Marina

"ด้านกลุ่มการเงิน ที่เราซื้อหุ้นเพิ่มทุนของทุนธนชาตจากประมาณ 13% เป็น 20% และได้ข้ออนุมัติผู้ถือหุ้นไปแล้วว่าในปีหน้าจะเพิ่มเป็น 24.9% โดยการซื้อหุ้นบนกระดานในตลาดหลักพทรัพย์ เพื่อทำให้ผลตอบแทนที่ได้มีความยั่งยืนมากขึ้นในช่วงที่มีความเสี่ยงจากธุรกิจหลักกลุ่มอื่น ๆ เช่น กรณีที่ธุรกิจท่องเที่ยวมีปัญหา"

นอกจากนี้นายวิจักษณ์ได้ฝากทิ้งท้ายถึงแผนงานระยะยาวสำหรับกลุ่ม MBK อีกว่าบริษัทจะยังคงเติบโตไปในทิศทางปัจจุบัน โดยคาดว่าจะต่อยอดธุรกิจจากที่ดินพื้นที่ขนาดใหญ่ที่บริษัทถือครองอยู่ทั้งในจังหวัดปทุมธานีและภูเก็ต ซึ่งมองว่าน่าจะมีโอกาสพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ได้มากขึ้น และน่าจะต้องใช้งบลงทุนมากพอสมควรเพื่อพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้เป็น community ที่ดีต่อไปในอนาคต