TRUE แจ้งงบไตรมาส 3/66 ขาดทุนลดลงเหลือ 1,598 ล้าน
TRUE แจ้งงบไตรมาส 3/66 ขาดทุน 1,598 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน ขาดทุน 2,320 ล้านบาท มีรายได้บริการ 39,840 ล้านบาท โต 1.4% ผู้ใช้บริการมือถือพุ่ง 51.4 ล้านราย คงประมาณการรายได้บริการปี 66 ทรงตัวจากปีก่อน งบลงทุน 25,000-30,000 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “Trading Buy” เป้า 8.10 บาท
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปดเผยว่า ในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1,598 ล้านบาท จากไตมาสก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 2,320 ล้านบาท ผลขาดทุนสุทธิภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ดีขึ้นประมาณ 300 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน จากการกลับรายการของสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญขีจากการยกยอดผลขาดทนุของ DTN จากการควบรวมบริษัทกับ TUC และจากการยุติข้อพิพาททางกฎหมายในไตรมาส 2/2566
ทั้งนี้ ผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2566 ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม (Integration Costs) จำนวนประมาณ 400 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทมีรายได้รวมภายหลังจากการจัดประเภทรายการใหม่ในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 50,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากไตรมาสก่อน โดยมีเหตุมาจากรายได้จากการให้บริการและการขายสินค้าที่เติบโตขึ้น รายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC ภายหลังจากการจัดประเภทรายการใหม่ อยู่ที่ 39,840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อน จากการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก พร้อมกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้ใช้บริการ
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้จากการให้บริการภายหลังจากการจัดประเภทรายการใหม่ อยู่ที่ 31,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุมาจากการปรับตัวอย่างต่อเนื่องของการแข่งขันในตลาด และการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ
โดยผู้ใช้บริการระบบเติมเงินยังคงเติบโตแข็งแกร่งเป็นผลจากการกลับมาอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว อยู่ที่ 35.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 0.3 ล้านราย จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ผู้ใช้บริการระบบรายเดือน ทรงตัวอยู่ที่ 15.7 ล้านราย ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมดเติบโต 0.5% จากไตรมาสก่อน โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 มีญานผู้ใช้ยริการรวม 51.4 ล้านราย
ขณะที่ธุรกิจออนไลน์ มีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 5,910 ล้านบาท ลดลง 0.4% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ ARPU เพิ่มขึ้น 0.5% จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการปรับตัวของการแข่งขันในตลาด การเพิ่มคุณภาพของการได้มาซึ่งผู้ใช้บริการใหม่ผ่านการยกเลิกส่วนลดและการเพิ่มโอกาสจากการขายพ่วงหลังจากการควบรวมบริษัท
ในส่วนธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก มีรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 1,660 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจดนตรีและบันเทิงสืบเนื่องมาจากการจัดกิจกรรมในไตรมาส คิดเป็น 14% ของรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก รายได้ค่าสมาชิกและค่าติดตั้งคิดเป็น 71% ของรายได้จากการให้บริการธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อน ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการลดลงเล็กน้อย 1% ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อ ผู้ใช้บริการ (ARPU) ลดลง 0.5% จากไตรมาสก่อน
ทั้งนี้ ภาพรวมปี 2566 บริษัทคง Guidance สำหรับระยะเวลา 10 เดือนของการดำเนินงานนับจากวันที่มีการควบรวม โดยรายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้จากการเชื่อมต่อโครงข่าย (ตามการจัดประเภทรายการใหม่) ทรงตัว ขณะที่ EBITDA มีการปรับปรุงการเติบโตที่เป็นตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ-ปานกลาง ส่วนเงินลงทุน อยู่ที่ประมาณ 25,000-30,000 ล้านบาท
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า มอง ‘บวกเล็กน้อย’ ต่อขาดทุนปกติไตรมาส 3/2566 ของ TRUE ที่ 1,650 ล้านบาท ดีกว่าตลาดคาด เพราะบันทึกค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างกิจการและภาษีต่ำกว่าคาด
สำหรับขาดทุนปกติไตรมาส 3/2566 น้อยกว่าไตรมาสก่อนที่ 2,360 ล้านบาท เพราะรายได้บริการไม่รวม IC ฟื้นตัวต่อ และต้นทุนลงจากเริ่มเห็นผลบวกจากการทำ single grid ทั้งนี้แม้บริษัทจะยังคงเป้าหมาย EBITDA ปี 2566 โตต่ำๆ และไม่กังวลต่อประเด็นขายหุ้นกู้ไม่ครบจำนวน เพราะมีสภาพคล่องวงเงินกู้ยังไม่ใช้เหลืออีกมาก
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/2566 คาดมีโอกาสเห็นค่าใช้จ่ายส่วนในการปรับโครงสร้างมากขึ้น ดังนั้น ยังคงคาดผลการดำเนินงานช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า ยังไม่สดใส จึงคงแนะนำเพียง “Trading Buy” ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท มองจังหวะสะสมหุ้นอยู่ในช่วงต้นปี 2567


