posttoday

DELTA โชว์กำไรไตรมาส 3/66 โต 32% แตะ 5,429 ล้าน

28 ตุลาคม 2566

DELTA ฟาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 5,429 ล้านบาท โต 32.1% หนุน 9 เดือนแรก ปี 66 กวาดกำไร 13,711 ล้านบาท โต 22.9% แต่งตั้ง “เจิ้ง อัน” นั่งซีอีโอ รุกอาเซียน ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และตลาดโลก พร้อมตั้งบริษัทย่อยในอินโดนีเซีย และปิดบริษัทย่อยในโรมาเนีย

นายจาง ช่าย ซิง กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,110 ล้านบาท 

โดยไตรมาส 3/2566 บริษัทมียอดขายสินค้าและบริการ อยู่ที่ 40,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากความต้องการสูงต่อเนื่องของกลุ่มโซลูชั่น สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) ที่เติบโตสูงกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า รวมถึง ดีซี เพาเวอร์ (DC Power) และเพาเวอร์ซัพพลายสำหรับระบบอัตโนมัติอุตสาหกรรม (Industrial Automation) 

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับคอมพิวเตอร์ รวมถึงศูนย์ข้อมูล Data Center มียอดขายทรงตัวจากไตรมาสก่อน และเติบโตระดับปานกลางจากฐานสูงปีก่อน โดยมีการขยายตัวตามแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Application)

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการค้าและการลงทุน รวมถึงอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวลดลงในภูมิภาคต่างๆ ส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ชะลอตัวลงสำหรับสินค้าบางกลุ่ม เช่น กลุ่มพัดลมและระบบจัดการความร้อน (Fan & Thermal Management) กลุ่มผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วและปีก่อน เนื่องจากดีมานด์อ่อนตัวในตลาดยุโรป ทำให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังและปรับแผนงานสำหรับโครงการต่างๆ พร้อมมุ่งเน้นการบริหารสินค้าคงคลัง ให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่มีความท้าทาย

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,154 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2566 มีมติแต่งตั้งนาย เจิ้ง อัน (Cheng An) เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการพัฒนาธุรกิจที่กำลังขยายตัวของเดลต้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และตลาดโลก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2567 เป็นต้นไป เป็นผลให้โครงสร้างการจัดการของบริษัทเปลี่ยนแปลง ดังนี้

DELTA โชว์กำไรไตรมาส 3/66 โต 32% แตะ 5,429 ล้าน

ขณะเดียวกัน มีมติอนุมัติการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อย โดยให้บริษัท DET International Holding B.V. (DETH) บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นโดยตรง 100% เข้าถือหุ้นในบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท Eltek s.r.o. (Eltek SK) และบริษัท Delta Electronics (Automotive) Americas Inc. (DEA (US)) เพื่อลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างกลุ่มเดลต้า

ทั้งนี้ บริษัท Eltek SK เป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อมผ่าน DETH สัดส่วน 55% และถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท Delta Greentech (Netherlands) B.V. (NL BV) สัดส่วน 45% ส่วนบริษัท DEA (US) เป็นบริษัทย่อยอีกแห่งหนึ่งที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อม 100% ผ่าน NL BV โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

DELTA โชว์กำไรไตรมาส 3/66 โต 32% แตะ 5,429 ล้าน

หลังจากทำรายการดังกล่าว โครงสร้างบริษัทย่อยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ 

DELTA โชว์กำไรไตรมาส 3/66 โต 32% แตะ 5,429 ล้าน

พร้อมกันนี้ มีมติอนุมัติการก่อสร้างอาคารของบริษัท Delta Energy Systems Property (Germany) GmbH (DES Property) ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อม 100% ผ่านบริษัท Delta Energy System (Germany) GmbH (DES Germany) จำนวน 24.90 ล้านยูโร (ประมาณ 964 ล้านบาท) เพื่อสร้างห้องปฏิบัติการและอาคารสำนักงานใหม่ในสถานที่เดิม โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับการเติบโตและการขยายธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ การจัดหาเงินทุนของโครงการจะมาจากเงินสดสำรองที่มีอยู่ของ DES Germany โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2568

รวมทั้งมีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย “PT Delta Electronics Indonesia” ทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านรูปียะฮ์ (ประมาณ 23.11 ล้านบาท) เพื่อขยายธุรกิจด้านการประมูลงานโครงการในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะจัดตั้งภายในไตรมาส 4/2566

ขณะที่มีมติอนุมัติการปิดบริษัท Delta Energy Systems (Romania) SRL ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทางอ้อม 100% ผ่าน DET International Holding B.V. โดยบริษัทนี้ดำเนินธุรกิจด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศโรมาเนีย เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างการลงทุนและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของบริษัท และการเลิกกิจการของบริษัทย่อยในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทแต่ประการใด โดยคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการจดทะเบียนเลิกบริษัท และชำระบัญชีประมาณ 7-12 เดือน

ข่าวล่าสุด

ไทยรั้งอันดับ 2 โลก ธุรกิจเผชิญวิกฤตข้อมูลบิดเบือนคุกคามความมั่นคง