posttoday

ไม่ไหวบอกไหว! หุ้นไทยวันนี้ย่อรับแถว 1365-1360 จุด

27 ตุลาคม 2566

เกาะติดสงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์หลังยืดเยื้อรุนแรง บวกติดตามประชุม FOMCสัปดาห์หน้าคาดคงดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมจับตาถ้อยแถลงพาวเวล โบรกส่องหุ้นไทยวันนี้เน้นทยอยตั้งรับหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เคาะกราฟจังหวะย่อ 1365-1360จุดซื้อเล่นรีบาวด์ Cut loss หากหลุด 1,350 จุด

สะสมหุ้นมีประเด็นบวกเฉพาะตัว 

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นโลก ในภาพรวมโมเมนตัมและปัจจัยแวดล้อมยังดูเป็นลบ แนะให้คงน้ำหนักการลงทุนไว้ที่ 55%  

     ในเชิงกลยุทธ์ SETI เคลื่อนไหวในกรอบ 1365/1385 จุด ในช่วงนี้ยังคงแนะนำให้ทยอยตั้งรับสะสมหุ้นที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ 1) หุ้นอิงการท่องเที่ยว ได้ผลบวกจากภาคการท่องเที่ยวไทยที่กลับมาคึกคัก หลัง ครม.มีมติให้ นทท.จากจีนและคาซัคสถานสามารถเดินทางมาไทยได้โดยไม่ต้องขอ visa ถึงสิ้นเดือน ก.พ. 67 รวมถึงการขยายเวลานทท.รัสเซียจากเดิมอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน เป็น 90 วัน เป็นบวกต่อ AAV, AOT, BA, CPALL, ERW 

     รวมถึง 2) หุ้นกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ จากการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันดีเซล เราชอบ ADVANC, CPALL

     สำหรับวันนี้ ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาที่น่าสนใจติดตามหลายประเด็น ดังนี้ 1) ติดตามการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แนะให้ติดตามถ้อยแถลงของคุณ Powell เราคาดจะยังไม่มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ แต่เชื่อว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยฯ ระดับสูงจนถึงปีหน้านานกว่าคาดการณ์เดิม มองเป็นจังหวะสะสมหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่น BBL, KTB, KBANK 

     2) สงคราม อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ยังคงยืดเยื้อ และรุนแรงต่อเนื่อง เราประเมินปัจจัยดังกล่าวจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก 3) แนะหมุนเงินลงทุนมายังกลุ่ม Defensive เช่น BEM, BDMS, BH ซึ่งคาดจะมีความเสี่ยงน้อยกว่ากลุ่มอื่น 

STOCK THEMATICS  

     - BBL (TP=194บ.) “ซื้อ” กำไร 3Q66 ออกมาเติบโตเด่น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ยังคงระดับสูง คาดเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาหุ้นปรับขึ้นได้   

     - BEM (TP=11บ.) “ซื้อ” กำไร 2Q66 เพิ่มขึ้น +42%YoY, +20%QoQ จากจำนวนผู้ใช้งานทางด่วน และผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติของคนไทย คาด 2H66 ผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง จาก 3Q66 รับผลบวกจากการเปิดเทอม รวมถึงการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และ 4Q66 คาดได้รับผลบวกจากช่วงเทศกาลหนุน traffic เพิ่มขึ้น 

     - CPN (TP=81บ.) “ซื้อ” รายงานกำไร 2Q66 โต +13.2%QoQ และ +33.5%YoY จากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลงสู่ระดับปกติ หลังภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวพร้อมปรับค่าส่วนกลางขึ้น ชดเชยค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และคาดกำไร 2H66 จะเติบโตต่อเนื่อง HoH และ YoY จากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าส่วนลานกิจกรรม อีกทั้งจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ และเปิดโรงแรมแห่งใหม่อีก 4 แห่ง รวมถึงได้รับผลบวกจากการปรับลดค่าไฟฟ้านับตั้งแต่ ก.ย.66 

โฟกัสหุ้นรายตัว

      ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นวานนี้ SET Index ร่วง 30 จุด (-2.17%) ปิดที่ระดับ 1,371 จุด ต่ำสุดในรอบ 3 ปี มีปัจจัยลบรุมกดดันทั้งในและต่างประเทศ Fund flow ต่างชาติยังไหลออก หุ้น Big Cap ร่วงหนักกดดัชนีนำลงโดย DELTA CPAXT CPALL และ AOT

     แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,360 - 1,365 จุด แม้จะได้ปัจจัยบวกอิสราเอล ชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซาทำให้สถานการณ์สู้รบผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตามความกังวล FED ตรึงอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานหลัง GDP 3Q23 สหรัฐสูงกว่าคาดโดย +4.9% ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากสต็อก น้ำมันดิบสหรัฐสูงเกินคาดจะกดดันต่อทิศทางการลงทุน

     กราฟ SET วานนี้ทรุดตัวลงแรงทำ New low ในรอบ 3 ปีบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงที่รุนแรง ประกอบกับเครื่องมือ MACD + RSI ทิ้งตัวลงให้สัญญาณลบทั้งคู่ซึ่งกดดันต่อภาพรวมดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะอ่อนตัวแนวรับ 1,365 / 1,360 จุด โดยมองเป็นจุดซื้อเล่นรีบาวด์จากภาวะ Oversold โดย Cut loss หากหลุด 1,350 จุด ขณะที่ระยะกลาง-ยาว แบ่งไม้ซื้อสะสมโซน 1,350 - 1,360 จุด

กลยุทธ์การลงทุน: Selvectie buy
     GPSC BGRIM GULF TASCO อานิสงส์ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
     KSL KBS BRR คาดกอน.ปรับขึ้นราคาน้ำตาล 4 บาท/ก.ก.
     กลุ่มคาดงบ 3Q23F เติบโต BDMS BH BCH CHG ADVANC BTS BEM SAPPE
     ICHI OSP CBG AMATA TOP SPRC CENTEL AOT

หุ้นแนะนำวันนี้
     BGRIM (ปิด 23.40 ซื้อ/เป้า 25.25) ซื้อเก็งกำไรได้ Sentiment บวกจาก ราคาน้ำมันดิบและ US bond yield ที่เริ่มชะลอตัว ขณะที่ราคาหุ้นร่วงแรงในช่วงก่อนหน้าส่งผลให้ Indicator ทางด้านเทคนิค (RSI) ยังอยู่ในเขต Oversold
     CK (ปิด 21.80 ซื้อ/เป้า BB Consensus 26.60 บาท) พื้นฐานแกร่งมีงานในมือ (Backlog) สูงกว่า 1.4 แสนล้านบาทรองรับการเติบโตของรายได้อย่างน้อย 7 ปี ขณะที่วันนี้มี Sentiment บวกนายกฯ สั่งเร่งโครงการ Landbridge 1.2 ล้านล้านบาทเริ่มเฟสแรก 5.2 แสนล้านบาท

ประเด็นสำคัญวันนี้
     (+/-) สหรัฐประกาศ GDP 3Q23 ขยายตัว 4.9% ดีเกินกว่าที่ตลาดกันไว้ : สหรัฐประกาศ GDP 3Q23 (ครั้งที่ 1) ขยายตัว 4.9% เพิ่มขึ้นจาก 1Q23 และ 2Q23 ที่ขยายตัว 2% และ 2.1% และดีกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 4.7% อย่างไรก็ตามประเด็นนี้อาจจะผลักดันให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพราะ ศก. ที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะหนุนให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นหรือลดลงช้ากว่าที่เฟดคาดไว้
     (+) นายกฯ เร่งผลักดันโครงการ Landbridge ขับเคลื่อน ศก.ในระยะยาว : ภาครัฐกำหนดแผนกระตุ้น ศก.ระยะสั้นผ่านมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ส่วนระยะกลางยาวจะเน้นแผนลงทุนที่สร้างความได้เปรียบดันไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งสินค้าและน้ำมันผ่านโครงการ Landbridge 1.2 ล้านล้านบาท โดยเริ่มเฟสแรก 5.2 แสนล้านบาท เพื่อสร้างท่าเรือระนองชุมพร รถไฟและมอร์เตอร์เวย์ เป็นบวกกับกลุ่มรับเหมา Top Pick CK STEC
     (+/-) คืนนี้ติดตามเงินเฟ้อ (PCE) เดือน ก.ย. ของสหรัฐจะบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยเฟด : Consensus คาด Headline PCE ของสหรัฐจะลดสู่ระดับ 3.2- 3.4% จาก 3.5% และคาด Core PCE จะลดลงสู่ระดับ 3.6-3.7% จาก 3.9% ในเดือน ส.ค. หากเป็นไปตามที่ Consensus คาดไว้จะหนุนให้เฟดคงดอกเบี้ยสำหรับการ ประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 พ.ย. นี้ จากแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อที่ไม่ได้สูงเกินไป