ThaiBMA จับตาหุ้นกู้ High Yield ครบกำหนดไถ่ถอน Q4/66 กว่า 22,000 ล้าน
ThaiBMA เผยไตรมาส 4/66 มีหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน 156,750 ล้านบาท หลัง 9 เดือนแรก มียอดออกหุ้นกู้เอกชนระยะยาว 824,557 ล้านบาท หนุนยอดออกหุ้นกู้ปีนี้แตะ 1 ล้านล้านบาท จับตา High Yield ครบกำหนดไถ่ถอนในไตรมาส 4/66 มูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ในปี 2566 ยังคงคาดยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวจะแตะระดับ 1 ล้านล้านบาท สูงกว่ายอดการออกเฉลี่ยในช่วง 7 ปี (ปี 2559-2565) ที่ 950,000 ล้านบาท
หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 มีการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนระยะยาว 824,557 ล้านบาท คิดเป็น 65% ของมูลค่าการออกทั้งปี 2565 โดยผู้ออกภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตสูงยังสามารถออกและเสนอขายหุ้นกู้ได้ตามที่ต้องการ ขณะที่ผู้ออกบางส่วนได้ชะลอการออกหุ้นกู้ไปก่อน เพื่อรอจังหวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกสูงสุด คือ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ ตามมาด้วย กลุ่มพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธนาคาร
ประกอบกับในไตรมาส 4/2566 มีหุ้นกู้ระยะยาวครบกำหนดทั้งสิ้น 156,750 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ Investment Grade จำนวน 49 บริษัท มูลค่ารวม 133,919 ล้านบาท คิดเป็น 85% ของหุ้นกู้ระยะยาวครบกำหนดในไตรมาส 4/2566 และหุ้นกู้ High Yield หรือกลุ่มที่มีเรตติ้งต่ำกว่า BBB- ลงไปถึงไม่มีเรตติ้ง จำนวน 35 บริษัท มูลค่ารวม 22,830 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของหุ้นกู้ระยะยาวครบกำหนดในไตรมาส 4/2566
“สมาคมฯ ติดตามหุ้นกู้ High Yield ที่จะครบกำหนดในไตรมาส 4/2566 ว่าจะสามารถออกหุ้นกู้ชุดใหม่ หรือหาแนวทางในการชำระหุ้นกู้อย่างไร เพราะยอมรับว่าได้รับผลกระทบความเชื่อมั่นจากกรณีการผิดนัดชำระหุ้นกู้ของหลายบริษัทในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ หุ้นกู้ High Yield ขายได้ยากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีประมาณ 4-5 บริษัท พับแผนการขายไป เพราะขณะนี้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ High Yield มีดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 6-7%” นางสาวอริยา กล่าว
สำหรับหุ้นกู้คงค้างที่มีปัญหา ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 รวม 39,765 ล้านบาท ได้แก่ หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระ (Default Payment) จำนวน 7 บริษัท (ACAP, ALL, APEX, DR, IFEC, JKN, และ STARK) มูลค่ารวม 21,843 ล้านบาท, หุ้นกู้บริษัทที่ปรับโครงสร้างหนี้ (Restructure) จำนวน 13 บริษัท มูลค่ารวม 12,172 ล้านบาท, หุ้นกู้ที่ล้มละลาย (Bankruptcy) จำนวน 1 บริษัท (EARTH) มูลค่า 5,750 ล้านบาท
หุ้นกู้ที่เข้าฟื้นฟูกิจการ (Rehabilitation) จำนวน 3 บริษัท มูลค่ารวม 73,057 ล้านบาท ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI, บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE และ บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ตลาดตราสารหนี้ไทยขยายตัวได้ 5.8% จากสิ้นปีก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ภาคเอกชนเป็นสำคัญแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้นโดยตลอดตั้งแต่ต้นปี โดยมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 มีมูลค่าเท่ากับ 16.7 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.8% จากสิ้นปีก่อน
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงผลการสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของผู้ร่วมตลาด ที่ส่วนใหญ่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในเดือน พ.ย.นี้
ขณะที่ Bond yield รุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าในช่วงไตรมาส 4/2566 จะมีการปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 10-15 bps. จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 ขึ้นไปที่ 2.94% สำหรับรุ่นอายุ 5 ปี และขึ้นไปที่ 3.29% สำหรับรุ่นอายุ 10 ปี ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ และอุปสงค์-อุปทานของตลาดตราสารหนี้ไทย


