posttoday

เช็คลิสต์! หุ้น'ได้-เสีย'ค่าไฟลด? นโยบายแทรกแซงกระทบกลุ่ม PTT แค่ไหน

19 กันยายน 2566

โบรกแห่สแกนกลุ่มหุ้น "ได้-เสียประโยชน์" หลัง ครม.เห็นชอบลดค่าไฟฟ้าเพิ่มอีก 0.11 บาท จาก 4.10 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย แนะจับตาผลประชุม กกพ. ตอบชัด 20 ก.ย.นี้ พร้อมแสกนกำไรกลุ่ม PTT

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การหารือระหว่าง กกพ. และ กระทรวงพลังงานวานนี้(18 ก.ย.66) ได้ข้อสรุปปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย. - ธ.ค.2566 เหลือ 3.99 บาท/หน่วย เพิ่มจาก มติ ครม. สัปดาห์ก่อนหน้าที่ 4.10 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นการปรับลดลงรวมทั้งสิ้น 46 สตางค์ต่อหน่วย จากมติของ กกพ.ที่ปัจจุบันเรียกเก็บในอัตรา 4.45 บาทต่อหน่วย

     ปัจจุบันฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะปรับลดด้วยวิธีการอย่างไร กรณีปรับลดค่าไฟฟ้าโดยตรง ผลกระทบหลักๆ จะเกิดขึ้นในธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP เราประเมินผลกระทบต่อ GPSC ครั้งนี้อยู่ที่ 50 ล้านบาท/เดือน และ BGRIM อยู่ที่ 19 ล้านบาท/เดือน

     อย่างไรก็ตาม กรณีดำเนินการด้วยวิธีปรับลดต้นทุนก๊าซ Pooled Gas เช่นเดียวกับสัปดาห์ที่ผ่านมา จะช่วยชดเชยผลกระทบได้บางส่วน ประเมินการปรับลดราคาก๊าซทุก 10 บาท/mmbtu จะสามารถลดผลกระทบให้ GPSC และ BGRIM ระดับ 21 ล้านบาท/เดือน และ 14 ล้านบาท/เดือน ตามลำดับ ฝ่ายฯมองว่าการแทรกแซงลดค่าไฟครั้งนี้จะเป็นรอบสุดท้ายของงวดเดือน ก.ย. - ธ.ค. จากการประเมินของเรา กรณีไม่สามารถรับรู้อานิสงส์บวกจากการปรับลดต้นทุนก๊าซจากระดับ 323 บาท/mmbtu (สมมติฐานไม่รวมค่าผ่านท่อของ กกพ. เดือน มิ.ย.) คาดธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ของ GPSC และ BGRIM จะยังสามารถทำกำไรได้ 0.50 - 1 บาท/หน่วย ทำให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะยังขยายตัว HoH และ YoY

อุตสาหกรรมปลายน้ำเสี่ยงสุด!

     ทิศทางนโยบายลดค่าครองชีพด้วยการแทรกแซงราคาพลังงาน (ไฟฟ้า น้ำมัน) ของรัฐบาล เป็นความเสี่ยงต่อกำไรของธุรกิจพลังงานทั้งด้านราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงในครั้งนี้ และโอกาสเกิด Mismatch ต้นทุน vs ราคาขายในอนาคต

     ซึ่งเรามองกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด คือ ธุรกิจพลังงานปลายน้ำ (โรงไฟฟ้า สถานีบริการน้ำมัน) เพราะราคาผลิตภัณฑ์กระทบประชาชนโดยตรง รวมทั้ง PTT เพราะ 1) ผลกระทบทางอ้อมจากการถือหุ้นธุรกิจขั้นปลาย 2) ความเสี่ยงจากการถูกจำกัดเพดานราคาเพราะเป็นผู้จัดหาอุปทานก๊าซของประเทศ

     3) เป็นรัฐวิสาหกิจที่มักเป็นกลไกเครื่องมือการบริหารราคาพลังงานของรัฐบาล

     4) โอกาสถูกปรับโครงสร้างต้นทุน Pooled Gas (กระทบ PTTGC ด้วย) 

     5) โอกาสถูกขอความช่วยเหลือช่วยอุดหนุนราคาพลังงาน

     จากเหตุผลข้างต้นฝ่ายฯปรับ Valuation ของหุ้น PTT ลง โดยประเมินมูลค่าหุ้นด้วย SOTP ให้ส่วนลดมูลค่าพื้นฐานบริษัทลูก 20% และให้มูลค่าธุรกิจ PTT เองด้วย PER 13.50 เท่า ได้มูลค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 67 ใหม่ที่ 36.50 บาท (เดิม 39 บาท) (ธุรกิจโรงไฟฟ้า GPSC เราปรับ Valuation ของหุ้นลงไปก่อนหน้าแล้ว)

เช็คลิสต์! หุ้น\'ได้-เสีย\'ค่าไฟลด? นโยบายแทรกแซงกระทบกลุ่ม PTT แค่ไหน

โรงกลั่นระยะสั้นยังเสี่ยง

     แม้ธุรกิจโรงกลั่นยังมีความเสี่ยงจากนโยบายเปิดเสรีนำเข้า และปรับโครงสร้างราคาน้ำมันสำเร็จรูป (กระทบต่ออัตราการผลิต และสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายฯมองว่าความเสี่ยงดังกล่าวยังจำกัดในระยะสั้น เพราะความซับซ้อนทำให้การดำเนินนโยบาย - ปรับโครงสร้างต้องใช้ระยะเวลา กลุ่มโรงกลั่นจึงยังสามารถเก็งกำไรได้เนื่องจากค่าการกลั่นระดับสูงจะช่วยหนุนให้กำไรและเงินปันผล 2H66 แข็งแกร่ง

ธุรกิจต้นน้ำเสี่ยงน้อยสุด

     ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ฝ่ายมองว่าหุ้นพลังงานต้นน้ำจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มพลังงาน เนื่องจากไม่ได้รับกระทบจากนโยบายพลังงาน และความพยายามพยุงราคาน้ำมันให้อยู่ระดับสูงของซาอุฯ ดังนั้น ทางพื้นฐานจึงแนะนำ PTTEP และโรงกลั่น (TOP / SPRC) เป็นตัวเลือกหลักในการลงทุนระยะสั้น

     ขณะที่ BANPU อาจรอจังหวะหลังหุ้นแปลงสภาพ Warrant 5 เข้าตลาด (คาด 9 ต.ค.66) โดยมีปัจจัยหนุนจากการเข้าสู่ฤดูหนาว และสถิติราคาหุ้น Outperform ช่วง Golden Week ของจีน (ปลายเดือน ก.ย. - ต้นเดือนต.ค.) ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากราคาหุ้น GPSC / BGRIM ปรับลงมากแล้ว คาดว่าการแทรกแซงลดค่าไฟฟ้าวานนี้จะเป็นรอบสุดท้ายของงวดนี้ และอาจได้อานิสงส์การปรับลดต้นทุนก๊าซช่วยชดเชยผลกระทบ ดังนั้นหากมีหุ้นอยู่จึงแนะนำถือเพื่อรอการฟื้นตัวจากงบไตรมาส 3/66 ที่ยังเติบโตได้ QoQ และ YoY

กลุ่มได้ประโยชน์ค่าไฟลด

     จากการรวบรวมข้อมูลใน Yuanta Universe พบว่า กลุ่มค้าปลีกเป็นกลุ่มที่มีค่าไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนต่อต้นทุนและค่าใช้จ่าย SG&A สูงสุดที่ราว 12% ของต้นทุนและค้าใช้จ่ายรวม ส่วนกลุ่มรองลงมาคือ วัสดุก่อสร้างราว 10% ของต้นทุนรวม, กลุ่มโรงแรมราว 5-7% ของต้นทุนรวม, กลุ่มร้านอาหารราว 5% ของต้นทุนรวม, กลุ่มยานยนต์ราว 5% ของต้นทุนรวม, กลุ่มการแพทย์ราว 3% ของต้นทุนรวม และกลุ่มสื่อสาร 1-2% ของต้นทุนรวม ซึ่งหุ้นที่ปรับฐานลงมาลึกและแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี66 จะโต YoY จากต้นทุนค่าไฟที่ปรับตัวลง คือ CPAXT, CPALL, BJC, CENTEL, MINT, EKH, TRUE เป็นต้น

CPALL-DOHOME รับทรัพย์

     ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อประเด็นดังกล่าว โดยจะเห็นประโยชน์จากการลดค่าไฟในไตรมาส 4/66 และจะรับรู้เต็มปีในปี67 หากอิงค่าไฟต่อหน่วยเท่ากับมติ ครม. ล่าสุดที่ 3.99บาท/หน่วย (-10%) จะทำให้ประมาณการกำไรปี67 รวมของกลุ่มเพิ่มขึ้นราว 5% นำโดย CPAXT (+8%) , CPALL (+5%) และ BJC (+3%)

     ฝ่ายมองว่ากลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางถึงยาว แม้จะมีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำภายในต้นปีหน้า จากการประเมินเบื้องต้นการขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาท จะทำให้กำไรของกลุ่มลดลง 6% แต่ถูกชดเชยด้วย 1.การลดค่าไฟ 10% ส่งผลให้กำไรของกลุ่มเพิ่มขึ้น 5% 2.กำลังซื้อที่จะเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น Digital wallet แนวโน้มผลประกอบการ 2H66 ของกลุ่มค้าปลีกคาดโต YoY หนุนจาก 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

เช็คลิสต์! หุ้น\'ได้-เสีย\'ค่าไฟลด? นโยบายแทรกแซงกระทบกลุ่ม PTT แค่ไหน      และ 2.ต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยที่ปรับตัวลง

     3.หลายบริษัทพยายามเพิ่มส่วนผสมสินค้ากลุ่ม High Margin

     ดังนั้นคงน้ำหนักการลงทุนที่ “มากกว่าตลาด” Top Pick แนะนำ CPALL (TP@73) และ DOHOME ([email protected])

อาหาร-เครื่องดื่มได้ทางอ้อม

     ฝ่ายฯมองเป็นกลางถึงบวกต่อกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่จะได้ประโยชน์เล็กน้อยจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จะปรับลดลงช่วยหนุนอัตรากำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป โดยค่าไฟคิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยราว 1-3% ของต้นทุนรวมของกลุ่ม กลุ่มที่ได้ประโยชน์มากสุดคือ กลุ่มร้านอาหารที่ค่าไฟคิดเป็นสัดส่วนราว 4-5% ของต้นทุนรวม

     ขณะที่ทางอ้อม เราประเมินว่าจะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ดีขึ้น ยังคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่ “มากกว่าตลาด”

 

ตั้งรับหุ้นไฟฟ้า

     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวเช่นกันว่า ฝ่ายวิเคราะห์มอง slightly positive ต่อข่าว ครม.มีมติลดค่าไฟทันทีงวด ก.ย.-ธ.ค.66 เพิ่มอีก 0.11 บาท/หน่วย คิดเป็น 3% จากรอบก่อน

     ทั้งนี้ เมื่อรวมกับมติ ครม. รอบสัปดาห์ก่อนที่อนุมัติลดค่าไฟลง 0.35 บาท/หน่วย จะเท่ากับต้นทุนค่าไฟต่อหน่วยลงทั้งสิ้น 0.46 บาท/หน่วย ลดลง 10% เหลือ 3.99 บาท/หน่วย โดยค่าไฟถือเป็นอีกหนึ่งในต้นทุนสำคัญของกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมที่เราศึกษา คาดคิดเป็นสัดส่วนราว 6-10% ของต้นทุนรวม ฝ่ายประเมินจากค่าไฟที่ลดลง จะส่งผลให้กำไรปี 67 ของกลุ่มฯ มี upside ราว 2.1-5%

     ขณะที่มองเป็นลบต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานลูกค้าอุตสาหกรรมสูง อาทิ GPSC (36-38% ของปริมาณจำหน่ายไฟรวม) BGRIM (26-28% ของปริมาณจำหน่ายไฟรวม) ระยะสั้นหลีกเลี่ยงไปก่อน แต่กระทบต่อ GULF (< 9% ของปริมาณจำหน่ายไฟรวม)จำกัด มองค่อยๆตั้งรับได้

     แต่บวกต่อกลุ่มค้าปลีก(ค่าไฟ 0.7-2.8% ของต้นทุน) หุ้น CPAXT , สื่อสาร (ค่าไฟ 2-3% ของต้นทุน) หุ้น ADVANC / หุ้น TRUE และโรงแรม (ค่าไฟ 6-10% ของต้นทุน) หุ้น ERW