posttoday

TOP เร่งแก้ไขและบรรเทาผลกระทบเหตุน้ำมันดิบรั่วไหล 6 หมื่นลิตร

05 กันยายน 2566

TOP แจงความคืบหน้าเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ประมาณ 6 หมื่นลิตร เร่งแก้ไข ขจัดคราบน้ำมัน บรรเทาผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ดำเนินการกลั่นด้วยความปลอดภัยอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบลูกค้า

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อช่วงดึกของคืนวันที่ 3 ก.ย.2566 โดยบริษัทได้เข้าควบคุมสถานการณ์และดำเนินการต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายทันทีตั้งแต่เกิดเหตุแล้วนั้น 

ส่วนความคืบหน้าล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งประเมินว่ามีปริมาณประมาณ 60,000 ลิตร และมีจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือไทยออยล์ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 16 กิโลเมตร โดยบริษัทได้เร่งรัดดำเนินการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบของเหตุการณ์ ดังนี้

  • ดำเนินการขจัดคราบน้ำมันและวางทุ่นล้อมไม่ให้คราบน้ำมันเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่ง โดยได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนกำลังพล เรือ อากาศยาน อุปกรณ์ และสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน ซึ่งได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล
  • สำรวจและวิเคราะห์หาสาเหตุของการรั่วไหลในเบื้องต้น ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิค
  • ติดตามทิศทางการไหลของกระแสน้ำ และคาดคะเนทิศทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมันเพื่อเตรียมมาตรการป้องกันกรณีคราบน้ำมันถูกพัดเข้าชายฝั่ง 
  • เตรียมความพร้อมกำลังพลจากกองทัพเรือเพื่อขจัดคราบน้ำมันบนชายฝั่งและการเข้าช่วยเหลือ หากเกิดเหตุ  พบคราบน้ำมันบนชายฝั่งหรือเกิดผลกระทบต่อชุมชน

ทั้งนี้ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 4 ก.ย.2566 ทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า คราบน้ำมันจะมีทิศทางการเคลื่อนตัวขนานกับเกาะสีชัง อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 5 ก.ย.2566 ไม่พบกลุ่มคราบน้ำมันขนาดใหญ่ พบเพียงแค่แผ่นฟิล์มบางๆ บนผิวน้ำทะเลเท่านั้น ซึ่งบริษัทจะยังคงทำการสำรวจเพื่อให้มั่นใจต่อไป

ขณะเดียวกัน บริษัทมีความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย รายละเอียดดังนี้

1. ประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิด (All Risk Policy) ซึ่งประกอบด้วย ประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สินและการหยุดชะงักของธุรกิจ(Property Damage/Business Interruption)

  • ทุนประกันสำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณ 1,377 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีความรับผิดส่วนแรกของผู้เอาประกันจำนวน 5ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับประกันภัยคุ้มครองทรัพย์สิน และ 60 วัน สำหรับประกันภัยการหยุดชะงักของธุรกิจ

2. ประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเล (Marine Cargo Policy)

  • ทุนประกันสูงสุด 310 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อ 1 เที่ยวของการขนส่งน้ำมันดิบ โดยมีความรับผิดส่วนแรกของผู้อาประกันคิดเป็นร้อยละ 0.5 ของมูลค่าน้ำมันดิบที่ขนส่ง

3. ประกันภัยความรับผิดต่อสิ่งแวดล้อม (Pollution Legal Liability Policy)

  • ทุนประกัน 25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีความรับผิดส่วนแรกของผู้เอาประกันจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อหนึ่งเหตุการณ์

4. ประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอก (Third Party Liability)

  • ทุนประกัน 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีความรับผิดส่วนแรกของผู้เอาประกันจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐฯต่อหนึ่งเหตุการณ์

โดยในขณะนี้บริษัทประกันภัยอยู่ในขั้นตอนของการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินและพิจารณาค่าสินไหมทดแทนสำหรับแต่ละกรมธรรม์ฯ ข้างต้น ทั้งนี้ จะเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดำเนินการกลั่นด้วยความปลอดภัยอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อลูกค้า ทั้งนี้ บริษัทจะรายงานความคืบหน้าของสถานการณ์ตามความเหมาะสมต่อไป