posttoday

ชงรัฐบาลใหม่ปลุกพลัง"ออมเงิน" หนุนกองทุนลดหย่อนภาษี ทดแทน"กองทุนSSF"

20 สิงหาคม 2566

"AIMC" ผนึกกำลัง "FETCO" ตกผลึก "กองทุนเพื่อการออมเงินประหยัดภาษี อายุลงทุน 7-10 ปี" ปลุกพลังเงินออมคนไทยเข้มแข็ง หวังชงรัฐบาลใหม่พิจารณา ก่อน SSF หมดอายุปี 2567

     "การออมเงินถือเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องเร่งผลักดัน เพราะเราทราบกันดีว่าภาคการออมของประเทศไทยไม่ได้แข็งแรงเท่ากับประเทศอื่นเลย และในปีหน้า กองทุน SSF ใกล้หมดอายุทางภาษีลง เราจึงต้องรีบพูดคุยกับรัฐบาลใหม่เพื่อสนับสนุนกองทุนที่เอื้อต่อภาคการออม กระตุ้นให้เกิดการออมเพิ่มขึ้น ช่วยกระตุ้นบรรยากาศและวอลุ่มเทรดในตลาดหุ้น" นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน(Association of Investment Management Companies หรือ AIMC) กล่าว

     ทันทีที่ภาพการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และภาพรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชัดเจน สิ่งแรกที่ทางสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(FETCO)จะเร่งดำเนินการคือการเข้าหารือกับทางกระทรวงการคลังเพื่อนำเสนอกองทุนเพื่อการออมทดแทนการหมดอายุของ“กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (Super Savings Fund หรือ SSF)”ในปี 2567 ถือเป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะไม่ได้สำคัญเพียงแค่เฉพาะอุตสาหกรรมกองทุน แต่สำคัญสำหรับประชาชน และตลาดทุน

 

จุดเด่น..กองทุนใหม่

     ทั้งนี้กองทุนใหม่ที่เตรียมนำเสนอจะมีคุณลักษณะพิเศษที่เป็นแบบผสม "กองทุนที่ช่วยในเรื่องของการออม ประหยัดภาษี และระยะเวลาถือครองต้องไม่ยาวเกินไป ซึ่งเบื้องต้นอยู่ระหว่างการตกผลึกในรายละเอียดเพื่อหาจุดสมดุลที่ภาครัฐจะเกิดความเข้าใจและสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าระยะเวลาการถือครอง อาจไม่ต่ำกว่า 7 ปี แต่ไม่ควรเกิน 10 ปี

      โดยพิจารณาจาก กองทุน SSF ระยะเวลาการลงทุน 10 ปี ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 25,167 ล้านบาท ถือว่าเติบโตน้อยกว่ากองทุนหุ้นระยะยาว(LTF) และ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในอดีตหลายเท่าตัว อาจเพราะนักลงทุนมองว่าในระหว่างทางอาจจำเป็นต้องใช้เงิน รวมถึงเป็นกองที่เปิดโอกาสนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาออมซึ่งอาจไม่ใช่ฐานหลัก เพียงแต่คนที่ควรออมคือมนุษย์เงินเดือน เพื่อบริหารเงินลงทุน หนี้ รวมทั้งคนที่ใกล้วัยเกษียณถือเป็นกลุ่มสำคัญที่ต้องเร่งสนับสนุนไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มนักลงทุนอายุน้อยเท่านั้น   

     "เราอยากมีกองทุนที่เอื้อต่อภาคการออมเงิน เราทราบกันดีว่าภาคการออมของประเทศไทยไม่ได้แข็งแรงเท่ากับประเทศอื่นเลย ดังนั้นนี่คือสิ่งสำคัญที่จะต้องยืนยันให้เกิดภาพการออมด้วยตัวช่วยนี้ ดังในอดีตที่มีตัวช่วยเรื่องภาษีผลักดันการเติบโตการออมและลงทุนค่อนข้างมาก ในลักษณะสร้างนักลงทุนรุ่นใหม่ที่รักการออมได้ดีทีเดียว ยังอยากจะให้มีคุณลักษณะพิเศษนี้ต่อไป ตอนนี้รอเพียงภาพรัฐบาลและกระทรวงการคลังที่ชัดเจนเท่านั้น เราจึงจะสามารถเข้าหารือเพราะกระบวนการนี้อาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร อย่าลืมว่ากว่าที่กองทุน SSF ในอดีตจะเกิดขึ้นได้ ใช้เวลาถึง 2 ปี รอบนี้เหลือระยะเวลาในการพูดคุยเพียงปีกว่าเท่านั้น"

 

เงินไหลออกไม่หยุด

     วันนี้หากดูภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมตลาดทุน จะเห็นว่าเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทย แต่ไม่ได้ไหลออกจากตลาดกองทุน เพราะกองทุนยังเติบโต แต่ในปีก่อนนั้นที่ไม่โต NAV ลดลง เนื่องมาจากตลาดทั่วโลกหยุดชะงัก แต่สิ่งสำคัญคือเงินโยกออกจากไทยไปลงทุนในต่างประเทศแทนเพื่อไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า

     ดังนั้นหากเราสามารถมีฟีเจอร์ที่ทำให้เกิดการออมและช่วยตลาดทุนไทยได้น่าจะช่วยตอบโจทย์ได้หลายอย่าง นี่คือสิ่งที่ตนเองมองว่าสำคัญ ซึ่งเราไม่รู้ว่ารัฐบาลจะจัดตั้งสมบูรณ์แบบได้ในเดือนไหน และจากวันนี้เข้าใกล้สิ้นปีแล้ว ถ้าเรามีเวลาเหลืออีกไม่มากนัก และมองว่ารัฐบาลน่าจะให้ความสำคัญเรื่องปากท้องของภาคประชาชนเป็นเรื่องแรกเพราะสำคัญกว่า ดังนั้นนี่คือสิ่งแรกที่ต้องนำเสนอสำหรับอุตสาหกรรมตลาดทุนไทย
 
     "ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง SSF หรือต่ออายุ SSF หรือการมี Feature ใหม่ก็ตามเป็นการขับเคลื่อนตลาดทุนไทยเหมือนกัน เพราะตลาดทุนไทยก็ยังคู่กับคนไทย คู่กับกลุ่มผู้สูงอายุ( Aging Society ) และคนรักการออมมากขึ้น เพราะงั้นการออมไม่ใช่ลงทุนตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมระหว่างกองทุนที่มีความเสี่ยงบ้างเพื่อให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะดูแลตัวเองได้ในระยะยาว ดังนั้นกองทุนประเภทนี้ยังคงอยู่กับคนไทยเพื่อช่วยการออมคนไทยในอนาคต ภาครัฐ ตลาดทุน นักลงทุนไทยที่พร้อมจะออม โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนในไทย เชื่อหรือไม่ว่ามีการออมในกองทุนสัดส่วนไม่ถึง 1 ล้านราย ดังนั้นถ้าอยากให้การออมเติบโตได้อีกไกลก็ควรต้องมีตัวช่วยมาสนับสนุน"

 

กองทุนใหม่กระทุ้งหุ้นไทยฟื้น ? 

     ในปีที่แล้ววอลุ่มเทรดในตลาดสูงมาก แต่ปีที่แล้วต้องยอมรับว่าไม่ได้มีเหตุการณ์เหมือนเช่นปีนี้ที่ตลาดทุนเกิดเหตุขึ้นมาหลายเรื่อง จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยพลิกเกิดหลายเคสที่เกี่ยวกับธรรมาภิบาล ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนประเภทหนึ่งเบาลง ขณะที่กองทุนเองได้ระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น มีการพิจารณามากขึ้น อีกทั้งนักลงทุนมีการขายกองทุน LTF ที่ครบรอบการถือครองออกมาทำให้กองทุนขายหุ้นในตลาด ด้วยความที่ตลาดหุ้นเผชิญหลายปัจจัยกดดันจึงทำให้วอลุ่มเทรดปีนี้ลดลง

     แต่หากมองวอลุ่มที่เกิดจากออร์แกนิกจริงๆ สมมุติเราสามารถนำเสนอฟีเจอร์กองทุนแบบนี้ ด้วยออร์แกนิกโกรท จะสร้างการเติบโตหรือสร้างวอลุ่มให้อุตสาหกรรมได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว และน่าจะช่วยเพิ่มสีสันให้อุตสาหกรรมได้พอสมควร และคาดหวังว่าจะเกิดความรู้สึกในทางบวกต่อตลาดทุนเพิ่มขึ้นเช่นกัน