เทียบฟอร์มหุ้นกลุ่มมือถือ ADVANC-TRUE ไตรมาส 2/66-ครึ่งปีแรก
ประชันผลงานหุ้นกลุ่มมือถือ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ ไตรมาส 2/66-ครึ่งปีแรก พบ ADVANC กำไรดีมีปันผล ส่วน TRUE ยังขาดทุนสุทธิ โบรกฯ ประเมินงบ ADVANC-TRUE แนวโน้วครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2566 และงวดครึ่งแรกของปี 2566 ได้ทยอยประกาศออกมากันเกือบจะครบทุกกลุ่มทุกบริษัทแล้ว
เช่นเดียวกันกลุ่มสื่อสาร (เฉพาะกลุ่มมือถือ) ซึ่ง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2566 และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2566
ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้รวบรวมผลการดำเนินงานของทั้ง 2 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ มาเปรียบเทียบกันให้เห็นชัดๆ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งในส่วนของรายได้ กำไรสุทธิ ลูกค้ามือถือ ลูกค้า 5G ลูกค้าเน็ตบ้าน งบลงทุน และเงินจ่ายปันผลครึ่งปีแรก ยังรวมไปถึงแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังปี 66 อีกด้วย
รายได้
- ไตรมาส 2/2566 “ADVANC” มีรายได้รวมอยู่ที่ 44,774 ล้านบาท ลดลง 1.1% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 4.1% จากไตรมาสก่อน ส่วน “TRUE” มีรายได้รวมอยู่ที่ 49,113 ล้านบาท
- ครึ่งปีแรก “ADVANC” รายได้รวมอยู่ที่ 91,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วน “TRUE” มีรายได้รวมอยู่ที่ 66,794 ล้านบาท
กำไรสุทธิ
- ไตรมาส 2/2566 “ADVANC” มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสก่อน ส่วน “TRUE” มีผลขาดทุนสุทธิ 2,320 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 492 ล้านบาท และจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,556 ล้านบาท
- ครึ่งปีแรก “ADVANC” มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วน “TRUE” มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 1,704 ล้านบาท
ลูกค้ามือถือ
- “ADVANC” มีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 45.3 ล้านเลขหมาย โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการ 5G กว่า 7.8 ล้านราย ส่วน “TRUE” มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 51.1 ล้านหมายเลข โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการ 5G กว่า 8.3 ล้านราย
ลูกค้าเน็ตบ้าน
- “ADVANC” มีจำนวนลูกค้าอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง 2.33 ล้านราย ส่วน “TRUE” มีผู้ใช้บริการในธุรกิจออนไลน์ 3.8 ล้านราย
งบลงทุน
- “ADVANC” วางงบประมาณการลงทุน (ไม่รวมคลื่นความถี่) 27,000-30,000 ล้านบาท ส่วน “TRUE” เงินลงทุน หรือ CAPEX ประมาณการณ์ไว้ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท
เงินจ่ายปันผลครึ่งปีแรก
- “ADVANC” จ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2566 ในอัตรา 4.00 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 18 ส.ค.2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 5 ก.ย.2566 ส่วน “TRUE” ไม่มีจ่ายเงินปันผลในงวดงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2566
แนวโน้มครึ่งหลังปี 66
บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ADVANC กำไรในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก จากปัจจัยในไตรมาส 3/2566 ได้แก่ 1.การแข่งขันในอุตสาหกรรมยังมี โดยทั้งบริษัทและคู่แข่งต่างทยอยปรับราคาแพคเกจค่าบริการเพิ่ม ซึ่งคาดจะช่วยผลักดัน ARPU ได้มากขึ้น
2.ยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ น่าจะได้แรงกระตุ้นจากการเปิดตัวของ “ไอโฟน” รุ่นใหม่ ซึ่งคาดจะเปิดตัวในช่วงเดียวกันกับปีก่อน คือ ปลาย ก.ย. และ 3.ต้นทุนค่าสาธารณูปโภคจะลดลง ตามค่า FT ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 1.549 บาท เหลือ 0.911 บาท และ 0.669 บาท สำหรับรอบ พ.ค.-ส.ค.2566 และ ก.ย.-ธ.ค.2566 ตามลำดับ
ประกอบกับในไตรมาส 4/2566 ได้ปัจจัยหุนนจาก 1.ผลของฤดูกาล จะช่วยหนุนให้ทั้งรายได้ค่าบริการ เนื่องจากโดยปกติแล้วเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมักมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือสูงกว่าช่วงอื่นๆ นอกจากนี้ปลายปีเป็นช่วงท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการเดินทางระหว่างประเทศสูงขึ้น ช่วยผลักดันรายได้จากบริการซิมนักท่องเที่ยว บริการโทรข้ามแดน
2.ยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ นอกจากจะได้รับผลบวกจากฤดูกาลที่ปลายปีแล้ว ยังได้รับผลบวกจากการเปิดตัว “ไอโฟน” รุ่นใหม่ (ไอโฟน 15) อย่างเต็มไตรมาส และ 3.คาดการเมืองมีความชัดเจนแล้ว หนุนความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการจับจ่ายสินค้าและบริการต่างๆ รวมทั้งบริการมือถือ และการเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่
นอกจากนี้ ADVANC ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งแรกปี 2566 ที่ 4.0 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) ที่ราว 1.78% ซึ่งถือว่ายังจูงใจกว่าผลตอบแทนในตลาดเงินมาก และเนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ADVANC มักจะมีการจ่ายปันผล สำหรับงวดครึ่งปีหลังที่สูงกว่าครึ่งปีแรก ทำให้คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลครึ่งหลังปี 2566 ที่ราว 4.06 บาท/หุ้น (คิดเป็น Dividend yield ราว 1.81%)
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566-2567 ของ ADVANC ไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (+8% YoY) และ 2.9 หมื่นล้านบาท (+5% YoY) ตามลำดับ ภายใต้ประมาณการเดิม ยังคงราคาเป้าหมายสำหรับปี 2566 ไว้ตามเดิมที่ 243.00 บาท (DCF, WACC ) โดยเชื่อว่าราคาหุ้น ADVANC จะ “Outperform” ตลาดได้ เพราะมีปัจจัยหนุนระยะสั้นจากกำไรในงวดไตรมาส 2/2566 ที่ออกมาโตทั้ง QoQ และ YoY ส่วนระยะถัดไปกำไรช่วงครึ่งหลังปี 2566 ยังดูมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง จากรายได้ที่คาดจะเติบโตดีขึ้น และค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มลดลง
รวมไปถึงยังมี Upside จากโครงการที่รออยู่ทั้งในระยะกลาง-ยาว เช่น เตรียมเข้าซื้อ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB และเข้าถือหุ้นในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม จัสมิน หรือ JASIF รวมทั้งโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นความร่วมมือกันระหว่างบริษัท, สิงเทล และ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้เมื่อแต่ละโครงการมีความคืบหน้ามากขึ้นในแต่ละขั้น
ขณะเดียวกัน บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า ผลประกอบการของ TRUE ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 จะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก เช่นกัน โดยในไตรมาส 3/2566 คาดผลการดำเนินงานปกติจะดีขึ้น QoQ ได้ เพราะ 1.คาดรายได้ค่าบริการจะเพิ่มขึ้น ตามฐานลูกค้าและ ARPU ที่คาดจะยังเพิ่มขึ้น
2.หากมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในช่วงปลาย ก.ย. เช่นเดียวกับไตรมาส 3/2565 จะช่วยหนุนยอดขายอุปกรณ์มือถือในไตรมาส 3/2566 ได้บ้าง และ 3.ค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าสาธารณูปโภคมีแนวโน้มลดลงตามค่า FT ที่มีการปรับลดลงสำหรับรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 และ ก.ย.-ธ.ค.2566
รวมทั้งในไตรมาส 4/2566 ผลการดำเนินงานปกติมีแนวโน้มจะดีขึ้น ทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจาก 1.รายได้ค่าบริการจะได้แรงหนุนจากผลของฤดูกาล เพราะช่วงปลายปีเป็นช่วงที่มักจะมีการใช้งานมือถือสูงกว่าปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งเสริมให้บริษัทมีรายได้เพิ่มจากบริการซิมนักท่องเที่ยว และบริการโทรข้ามแดนที่สูงขึ้น ตามการเดินทางระหว่างประเทศที่มีมากขึ้น
2.ยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์มิอถือที่คาดจะสูงขึ้น QoQ และ YoY เพราะโดยปกติแล้วในช่วงปลายปีจะมีการจับจ่ายสินค้าสูงกว่าช่วงอื่นๆ บวกกับเชื่อว่ากำลังซื้อในครึ่งหลังปี 2566 จะดีกว่าครึ่งแรกปี 2566 และครึ่งหลังปี 2565 ตามคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจที่จะโตได้ดีขึ้น จะหนุนการจับจ่าย รวมทั้งการซื้ออุปกรณ์มือถือใหม่ ช่วยกระตุ้นยอดขายอุปกรณ์มือถือ นอกจากนี้หากมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในปลายไตรมาส 3/2566 จะผลักดันยอดขายอุปกรณ์มือถือเต็มที่ในไตรมาส 4/2566 และ 3.ค่าสาธารณูปโภคยังเป็นขาลง QoQ เพราะคาดว่าค่า FT จะยังคงลดลงได้อีกสําหรับในรอบ ก.ย.-ธ.ค.2566
แม้มองว่าผลการดําเนินงานในงวดไตรมาส 2/2566 ที่ออกมาแย่ลงทั้ง QoQ และ YoY รวมทั้งแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขาดทุนในระดับเพียง 500-600 ล้านบาท โดยอาจจะเป็นปัจจัยในระยะสั้นที่กดดันราคาหุ้น TRUE ได้ และน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/2566
อย่างไรก็ตาม เชื่อการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2566 น่าจะดีขึ้นกว่า ช่วงครึ่งแรกปี 2566 ที่มีผลขาดทุนขาดทุนปกติสูงถึง 4.0 พันล้านบาท จากรายได้ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นได้ในทุกธุรกิจ โดยคาดจะขาดทุนปกติในปี 2566-2567 ราว 7.2 พันล้านบาท และ 4.1 พันล้านบาท ตามลำดับ จึงแนะนํา “NEUTRAL” โดยมีราคาเป้าหมายสำหรับปี 2566 อยู่ที่ 7.15 บาท (DCF, WACC 7.66%) และปี 2567 ที่ 8.50 บาท


