เช็คลิสต์! 15 หุ้นต่างชาติซื้อสุทธิสะสมสูงสุด

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา Fund Flow มีการไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียทุกประเทศ ทั้งไต้หวัน, เกาหลีใต้,  อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ รวมถึงไทย ที่ต่างชาติซื้อสะสม 114 ล้านเหรียญ หรือ 3.9 พันล้านบาท หนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมา 41 จุด หรือ 2.97% มาอยู่ที่ 1,535.30 จุด

นอกจากนี้ ยังเห็นการไหลเข้าของ Fund Flow ในตลาดหุ้นไทย จาก 3 กลุ่มนักลงทุนใหญ่พร้อมกัน 3 วันติด เริ่มจาก ต่างชาติซื้อสุทธิสะสมสูงสุด 3.9 พันล้านบาท รองลงมา คือ กองทุนในประเทศซื้อสุทธิสะสม 2.2 พันล้านบาท ตามมาด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิสะสม 695 ล้านบาท

โดยในอดีตไม่บ่อยนักที่จะเห็นการซื้อสุทธิพร้อมกันของทั้ง 3 กลุ่ม และจากสถิติในปีนี้ยังบ่งชี้ว่า เวลาที่ทั้ง 3 กลุ่มซื้อสุทธิพร้อมกัน มักผลักดันให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดเฉลี่ย 0.84% ต่อวัน และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 80%

ทั้งนี้ Fund Flow ต่างชาติที่กลับมาไหลเข้าหุ้นไทย ผนวกกับกองทุนและพอร์ตโบรกเกอร์คอยสนับสนุน ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยได้ดี และในช่วงต่อจากนี้ยังมี Momentum ที่ช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง จากค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ และหากการเมืองมีเสถียรภาพและสามารถจัดตั้งได้เร็ว และ Fund Flow มีโอกาสไหลเข้ามาเพิ่มเติมกว่าปกติ หากพรรคเพื่อไทยพลิกมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล สะท้อนได้จาก ข้อมูลในอดีต เวลาเลือกตั้ง แล้วพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล SET Index มักจะปรับตัวขึ้นได้ดีเสมอ

ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการค้นหาหุ้นที่ต่างชาติชื่นชอบและซื้อสุทธิสะสมในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ได้แก่ BDMS, KBANK, AOT, ADVANC, BH, SCC, BBL, BCP, AP, SISB, HMPRO, PTTEP, OR, HANA, SIRI  

จากรายชื่อดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ ชื่นชอบ และแนะนำหุ้นที่ต่างชาติทยอยซื้อสะสม อย่าง KBANK, ADVANC, SCC, PTTEP, SIRI ฯลฯ

นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content บล.พาย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นในภูมิภาคเอเชียด้วย และซื้อไม่ได้น้อยไปกว่าหุ้นไทย ดังนั้นคงไม่ใช่ประเด็น เรื่องการเมืองในประเทศอย่างเดียว แต่ที่ต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยและตลาดหุ้นเอเชียนั้นเป็นผลมาจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียว ในการประชุมครั้งต่อไป ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เงินลงทุนจึงไหลเข้ามาในตลาดหุ้นเอเชีย 

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นในประเทศไทยอาจเป็นเพียงแค่ระยะสั้น เพราะเชื่อว่าตลาดจะกลับมากังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจหดตัวในไตรมาส 3-4/2566 รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐที่อาจลดลงได้ยากขึ้นในครึ่งปีหลัง 

ดังนั้น ยังคงระมัดระวังการลงทุนและแนะนำให้ขายเมื่อตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้น (แนวต้าน 1,540-1,560 จุด) โดยหุ้นที่ถูกขายผ่าน NVDR มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ AOT, GULF, PTT, BDMS และ BH ขณะที่มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินเป็นหลัก เช่น KTB, KBANK, BBL, TISCO และ TIDLOR รวมถึงหุ้น CPALL, SCC, และ PTTEP สัปดาห์นี้ แนะนำ KBANK และ CPN