GPSC-WHAUP ร่วงเซ่นคดีพิพาท“เก็คโค่-วัน” 3โบรกชี้เงินสดแน่น-อนาคตแกร่ง

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น GPSC และ WHAUP เช้าวันนี้(29 มิ.ย.66) 

GPSC-WHAUP ออกโรงโต้

     บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด มหาชน หรือ GPSC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ว่า บริษัทซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เก็คโค่-วัน จำกัด (เก็คโค่-วัน) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer หรือ IPP) กำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ ได้รับข้อเรียกร้องต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการของสภาหอการค้านานาชาติ (International Chamber of Commerce หรือ ICC) เมื่อวันที่14 มิถุนายน 2566

     โดยผู้เรียกร้อง ซึ่งเป็นคู่สัญญาในการจัดหาถ่านหิน ภายใต้สัญญาซื้อขายและขนส่งถ่านหิน กับ เก็คโค่-วัน ฉบับลงวันที่ 28 กันยายน 2564 และวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 (Coal Supply and Transportation Agreements : CSTAs ) อ้างว่า เก็คโค่-วัน ผิดสัญญา CSTAs โดยยกเลิกการซื้อถ่านหิน ทำให้ผู้เรียกร้องได้รับความเสียหายจำนวนประมาณ 309 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,815 ล้านบาท คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 35 บาท/เหรียญสหรัฐ)

     บริษัทขอเรียนว่า การดำเนินการของ เก็คโค่-วัน เป็นไปตามเงื่อนไข CSTAs ที่ให้สิทธิในการยกเลิกการซื้อถ่านหินได้ ในกรณีที่ความต้องการใช้ถ่านหินซึ่งเป็นเชื้อเพลิงลดลง อันเป็นผลมาจากการลดการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของเก็คโค่-วัน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และปัจจุบันเก็คโค่-วัน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำคำคัดค้านต่อข้อเรียกร้องในชั้นอนุญาโตตุลาการ

 

WHAUP ยันใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไข

     ขณะที่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ถือหุ้นทางอ้อมร้อยละ 35 ในเก็คโค่-วัน แจ้งว่า ได้รับคำร้องเพื่อเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการจาก ICC เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2566 โดยผู้ร้องคือ AVRA International DMCC (AVRA) ซึ่งเป็นผู้จัดหาถ่านหินให้กับ เก็คโค่-วัน ภายใต้สัญญา CSTA 

     บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่าข้อพิพาทนี้ เพิ่งเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทของอนุญาโตตุลาการ และเก็คโค่-วันยังไม่มีหน้าที่ใดๆในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของ AVRA จนกว่าผลคดีจะถึงที่สุด ทั้งนี้บริษัทได้รับแจ้งจากเก็คโค่-วันว่า การดำเนินการในเรื่องการใช้สิทธิ์ระงับการสั่งซื้อถ่านหินจาก AVRA เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา CSTA ซึ่งระบุว่าเก็คโค่-วันสามารถใช้สิทธิ์ในการระงับการซื้อถ่านหินได้หากเป็นผลมาจากคำสั่งลดการผลิตไฟฟ้าจาก กฟผ. ซึ่งส่งผลให้มีความต้องการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าลดลง

 

GPSC เงินสดแน่น ร่วงแรงก็ช้อน

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า โรงไฟฟ้า Gheco-one เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน จำนวนไฟฟ้าภายใต้สัญญาขายไฟฟ้า IPP กำลังผลิต 660 MW ถือสัดส่วนการลงทุนโดย GPSC และ WHAUP ตามสัดส่วน 65: 35 

     จากการเช็คสอบกับบริษัท สาเหตุเกิดจาก EGAT ลดการเรียกรับไฟฟ้าจาก Gheco-one ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาถ่านหินสูงผิดปกติ ส่งผลให้ Gheco-one ยกเลิกการซื้อถ่านหินกับคู่ค้าดังกล่าว ทั้งนี้ ความเข้าใจในเงื่อนไขของสัญญาที่ไม่ตรงกันระหว่าง GPSC กับคู่ค้า (รายละเอียดสัญญา บริษัทฯไม่สามารถเปิดเผยได้) จึงนำไปสู่ข้อพิพาท

     ซึ่ง GPSC ยืนยันว่าใช้สิทธิยกเลิกคำสั่งซื้อถ่านหินภายใต้เงื่อนไขของสัญญา ปัจจุบัน Gheco-one กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของอนุญาโตตุลาการ และทีมกฎหมายของบริษัทฯ พิจารณความเป็นไปแล้วมองว่าไม่จำเป็นต้องตั้ง Provision

     อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์รู้สึกไม่ได้น่ากังวลมาก มองว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่ GPSC จะต้องจ่ายค่าเสียหาย คาดขั้นตอนการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการจะใช้เวลา 12-24 เดือน (กรณีเลวร้ายค่าเสียหาย 309 ล้านเหรียญฯ หรือราว 1.1 หมื่นล้านบาท และคิดเป็นประมาณ 7 พันล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็น 2.5 บาท/หุ้น โดย ณ งบ 1Q66 มีเงินสดในมือ 2.1 หมื่นล้านบาท) 

     ส่วนกรณีตลาด Panic ปรับลงแรง มองเป็นโอกาสการเข้าสะสม ทางพื้นฐานคงมุมมองแนวโน้ม 2Q66 เติบโต YoY และทิศทางกำไรปี 66-67 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 75 บาท

 

กรณีแพ้คดี GPSC ตั้งสำรอง 6.8 พันล้าน

     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยมอง Negative ต่อข้อพิพาทระหว่าง Gheco-one กับผู้ขายถ่านหิน แม้ข้อพิพาทยังไม่สิ้นสุด เพราะ คาดสร้างความกังวลต่อตลาดในกรณีแย่สุดที่ Gheco-one แพ้คดี หรือ มีความเสี่ยงที่จะแพ้คดีมากขึ้น จนต้องบันทึก ค่าใช้จ่ายฯ (cash) หรือ ตั้งสำรองค่าใช้จ่ายฯ (non-cash) ก่อนภาษีฯ ราว 10,506 ลบ. ซึ่งจะเป็นส่วนของ GPSC ราว 6,829 ลบ. จะคิดเป็น downside ต่อกำไรปกติ 2024F ของเรา (9,849 ลบ.) ราว -69% คิดเป็นราว 2.4 บาท/หุ้น หรือ -3% ของ TP23F ของเราที่ 84 บาท/หุ้น 

     แม้ในระยะสั้นมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอน ทั้ง 1.นโยบาย ft 2.ภาระการลงทุนในโครงการใหญ่ และ 3.ข้อสรุปของข้อพิพาท CSTAs หากรับความเสี่ยงได้ เรามองเป็นโอกาสซื้อ คงมุมมอง 1.ระยะยาวภาครัฐจะปรับ ft ลงช้ากว่าต้นทุนพลังงานเพื่อชดเชยผลขาดทุนให้ EGAT ส่งให้ผู้ขายไฟลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ได้รับการชดเชยผลกระทบที่แบกรับมาก่อนหน้าด้วย ซึ่ง GPSC ที่มีสัดส่วนการขายไฟ IU มากสุดในกลุ่ม 37-38% Vs. กลุ่ม 9-28% จะได้ประโยชน์เด่น

     2.คาดต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่งให้แนวโน้มกำไร 2023-24F ฟื้นตัวต่อเนื่อง และ 3.มี upside จากการลงทุนใน AEPL เข้ามาหนุนต่อเนื่องใน 2023-26F 

 

AEPL เสริมแกร่ง GPSC

     นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป กล่าวว่า เบื้องต้นมีมุมมองว่า ประเด็นข้อพิพาทนี้จะเป็นปัจจัยลบต่อ GPSC ในระยะสั้น แต่ปัจจุบันบริษัทไม่จำเป็นต้องมีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายส่วนนี้ จากการที่ยังไม่มีการตัดสินว่าต้องชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ โดยระยะเวลาการดำเนินการพิจารณายังต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 12-24 เดือน

     นอกจากนี้บริษัทมองว่าจะไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว เนื่องจากบริษัทได้ทำการแจ้งยกเลิกการซื้อถ่านหินไปยังคู่สัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดและเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญาแล้ว

     ด้านพื้นฐานของ GPSC ยังคงมีปัจจัยบวก จากการอนุมัติการเพิ่มทุนในบริษัทโรงไฟฟ้า solar ในอินเดีย Avaada Energy Private Limited (AEPL) โดยเป็นการเพิ่มการลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นเดิม คือ 42.93% เป็นจำนวนเงินการเพิ่มทุนครั้งนี้ 8,625 ลบ. (เริ่มชำระงวดแรก 3,892 ลบ. ในเดือนก.ค.)

     ทั้งนี้เพื่อการรองรับการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า โดยที่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา AEPL ชนะการประมูลโรงไฟฟ้า solar เพิ่มขึ้นถึง 1,793 MW ส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวม 6,720 MW ทางฝ่ายมองว่าการเพิ่มเงินลงทุนนี้เป็นการสนับสนุนการเติบโตของโรงไฟฟ้า solar ของบริษัท โดยปัจจุบันการถือหุ้นโรงไฟฟ้า AEPL จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ GPSC ถึง 2,885 MW ทางฝ่ายแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐาน 84 บาท

 

 

WHAUP กระทบจำกัด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า WHAUP ถือหุ้น 35% ใน Gheco-One ซึ่งถูกกล่าวหาว่าทำผิดสัญญา ซื้อถ่านหินกับ AVRA ส่วน Gheco-One ให้เหตุว่าสาเหตุมาจาก กฟผ. สั่งหยุดผลิตไฟฟ้าจาก มี.ค.-ต.ค.2566 เป็นอย่างน้อย

     เราเชื่อว่าผลกระทบจำกัดกับประมาณการกำไร FY23F เนื่องจากเราประมาณการกำไรจากโรงไฟฟ้าทั้งหมด 708 ลบ. ปีนี้คาดกำไรจาก SPP จะคงที่175 ลบ.ต่อไตรมาส สำหรับ 2Q-4Q23 (เท่ากับกำไรใน 1Q23) ซึ่งจะทำให้กำไรปีนี้ 700 ลบ. ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของเราทั้งปี นอกจากนี้ Gheco-One ยังได้รับค่าความพร้อมจ่ายจาก EGAT ซึ่งมากกว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและ ดอกเบี้ยจ่าย ถ้า Gheco-One กลับมาขายไฟใน 4Q23 จะมีกำไรเล็กน้อยปีนี้

     อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนอนุญาโตตุลาการจะใช้เวลานานถึง 12-24 เดือน สมมติกรณีเลวร้าย GhecoOne อาจจะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ AVRA จะส่งผลให้ WHAUP บันทึกขาดทุนจากบริษัทร่วมไม่ใช่รายการเงินสด การศึกษาความอ่อนไหว อัตรา net gearing และ D/E จะปรับขึ้นเป็น 1-1.4 เท่า และ 1.2-1.7x ตามลำดับ จาก 1x และ 1.2x ใน 1Q23 ซึ่งยังต่ำกว่าสัญญากับเจ้าหนี้ 2.5 เท่าสำหรับอัตรา net gearing 

     ในกรณีเลวร้าย WHAUP อาจจะเสียโอกาสในเงินปันผลรับไม่เกิน 3 พันลบ. หรือเฉลี่ยไม่เกิน 214 ลบ./ปี ซึ่งโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก ในความเป็นจริง อาจจะมีค่าปรับบ้างแต่จะต่ำกว่า 309 ล้านเหรียญสหรัฐฯมาก และ EGAT อาจจะรับผิดชอบค่าปรับนี้

     ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่า TRIS ไม่น่าลดอันดับความน่าเชื่อถือเนื่องจากผลกระทบจากการไม่ได้รับเงินปันผลรับไม่มาก อันดับความน่าเชื่อถือปัจจุบันคือ AA และแนวโน้ม Stable คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 5 บาท