หุ้นไทยสัปดาห์หน้าไซด์เวย์ ลุ้นเฟดคง ดบ.-สหรัฐเยือนจีนสำเร็จ-การเมืองชัด

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(9 มิ.ย.66) อยู่ที่ 1,555.11 จุด ลดลง 4.39 จุด คิดเป็น -0.28% มูลค่าการซื้อขาย 43,293.70 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,559.43 จุด และลดลงต่ำสุด 1,549.57 จุด

ได้แรงหนุนจากนักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,352 ล้านบาท บวก บัญชี บล. ซื้อสุทธิ 435.24 ล้านบาท สวนทาง ต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,503.56 ล้านบาท และ รายย่อย ขายสุทธิ 283.68 ล้านบาท

5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 98 บาท ลดลง 5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,465.25 ลบ.
2.KBANK ปิดที่ 132.50 บาท ลดลง 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,118.34 ลบ.
3.BDMS ปิดที่ 28.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,680.25 ลบ.
4.JMT ปิดที่ 43 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,294.80 ลบ.
5.AOT ปิดที่ 72.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,284.13 ลบ.

ลุ้นเฟด-การเมืองต่อ

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวกับ"โพสต์ทูเดย์"ว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์หน้า(ระหว่างวันที่ 12-16 มิ.ย.2566)คือ การประชุม FOMC วันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐ(FED)จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5-5.25% 

ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามยังคงเป็นประเด็นเดิมนั่นก็คือการเมืองไทยที่ยังต้องรอความชัดเจนต่อไป ทั้งนี้หากเฟดคงดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ไว้ ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1,575 จุด ส่วนแนวรับ 1,545 จุด แต่ในทางกลับกัน หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือส่งสัญญาณที่ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้ แน่นอนว่าดัชนีมีโอกาสลดลงไปทดสอบแถว 1,520-1,500 จุดได้เช่นกัน

ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่าภาพตลาดหุ้นในวันจันทร์อาจจะค่อนข้างนิ่งหรือพักตัวระหว่างวัน เพื่อรอความชัดเจนผลประชุมเฟด หากคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ตลาดหุ้นจะฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ได้ ดังนั้นแนะนำจังหวะตลาดย่อตัวซื้อ หรือ เก็งกำไรในช่วงสั้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว อาทิ AOT , ERW และหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่น่าสนใจ

"หุ้นไทยวันนี้มีแรงซื้อกลับจากความคาดหวังว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ดังนั้นในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ดัชนีอาจจะยังนิ่งๆไม่ไปไหนเพราะรอดูความชัดเจนก่อน ถ้าคงดอกเบี้ยหุ้นแบงก์จะขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ แต่ถ้าผิดคาดตลาดหุ้นก็จะร่วง ดังนั้นเน้นเก็งกำไรสั้นๆพวกหุ้นท่องเที่ยวได้"

ข่าวดีแน่น-การเมืองกดต่อ

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าแกว่งกรอบแคบ 1,545-1,575 จุด รับแรงหนุนในช่วงกลางสัปดาห์จะมีการประชุมเฟด ซึ่งจะทราบผลในช่วงเช้าของวันที่ 15 มิ.ย.นี้ตามเวลาไทย แม้ว่าน้ำหนักจะเทไปทางคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5-5.25% ซึ่งจะทำให้กระเงินทุนอาจไหลออกจากตราสารหนี้เข้าสู่ตลาดตราสารทุนจะเป็นบวกต่อ Sentiment ตลาดหุ้นภูมิภาคและไทย แต่เงินเฟ้อสหรัฐยังห่างจากเป้าหมายที่ 2% ของเฟด ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ยังกังวลต่อถ้อยแถลงที่อาจจะเป็นเชิง Hawkish อยู่บ้าง อีกทั้งสหรัฐฯมีแผนเยือนจีนเพื่อกระชับความสัมพันธ์ 

ขณะที่ปัจจัยบวกในประเทศได้แรงหนุนจากวอลุ่มที่คาดจะเริ่มกลับมามากขึ้น ดัชนีหุ้นปรับตัวลงมาก่อนนี้ P/E อยู่ที่ 16.35 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 18.06 เท่า ขณะที่ Fund flow ต่างชาติเริ่มเห็นการเข้าซื้อหุ้นและฟิวเจอร์สของไทย ช่วยหนุนให้ค่าเงินบาทมีโอกาสกลับมาแข็งค่า และผลักดันหุ้นกลุ่ม Big Cap 

รวมทั้ง กลุ่ม Spending ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเพิ่มจากเดือน เม.ย. ที่ 55 จุด เดือน พ.ค. ที่ 55.7 จุด ส่วนนักท่องเที่ยวยังเข้าไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานนักท่องเที่ยวเข้าไทยตั้งแต่ต้นปี ถึง 4 มิ.ย.66 กว่า 10.95 ล้านราย ประกอบกับ แรงเก็งกำไรโค้งสุดท้ายในหุ้นที่คาดว่าจะถูกเข้าคำนวนในดัชนี SET50 , SET100 รอบครึ่งปีหลัง และหุ้นที่เตรียมจะเข้าคำนวณในดัชนี FTSE 

แต่การเมืองที่คาดเดายากยังเป็นปัจจัยกดดัน หลังจากที่ กกต.ยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งทำให้มีความเสี่ยงที่จะมีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวกดดันบรรยากาศการลงทุน ส่วนว่าที่นายกฯใหม่ยังต้องเผชิญกับอุปสรรค ทั้ง รอการพิจารณาคุณสมบัติจากการถือหุ้น ITV, การรอรับรองผลการนับคะแนนใหม่ 47 หน่วยเลือกตั้ง ทางฝ่ายจึงคาดผลการนับคะแนนใหม่นี้อาจไม่เป็นผลดีต่อทางพรรคก้าวไกลที่ได้จำนวน ส.ส. มากที่สุด เนื่องจากคะแนนมีโอกาสจะเท่าเดิม หรือ ลดลงได้ส่งผลต่อจำนวนที่นั่ง ส.ส. และสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง ซึ่ง
เป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนี SET ในช่วงสัปดาห์หน้า

โดยหุ้นเทคนิคสวย แนะนำ หุ้น ADVANC ภาพในกรอบวัน ราคาย่อตัวลงมาไม่หลุดแนวรับ และเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในรอบใหม่ขึ้นมาจาก MACD ที่ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal คาดว่าอาจจะหนุนราคา Breakout High เดิมขึ้นมาได้ โดยมองเป้าถัดไปอยู่ที่ 227 บาท ดังนั้นแนะนำรอซื้อที่แนวรับ 215 / 213 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่แนวต้าน 222 / 227 บาท ตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดต่ำกว่า 210 บาท