posttoday

SET กังวลผลโหวตเพดานหนี้สหรัฐ-ราคาน้ำมันลงแรงกดดัน

31 พฤษภาคม 2566

SET อ่อนตัวลงต่อจากความกังวลผลโหวตเพดานหนี้สหรัฐและราคาน้ำมันลงแรงกดดันกลุ่มพลังงาน กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPALL และ BDMS

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET ไม่ผ่านกรอบบนเดิมบริเวณ 1,540 จุด และอ่อนตัว ซึ่งวันนี้คาดอ่อนตัวได้ต่อ จากความกังวลผลโหวตเพดานหนี้ และราคาน้ำมันลงแรงกดดันกลุ่มพลังงาน โดยดัชนีมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,530 จุด หากยืนได้ จะแกว่งในกรอบเดิมต่อบริเวณ 1,530-1,540 จุด ส่วนกรณีหลุดต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,523 จุด 

ทั้งนี้ มอง SET ยังเคลื่อนไหวผันผวนและแกว่งตัวในกรอบ โดยแม้การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐจะได้ข้อสรุป ซึ่งเป็นSentiment เชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย และการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. มองจะมีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25 bps ตามตลาดคาด 

อย่างไรก็ตาม ประเมิน SET จะยังคงมี Upside จำกัด เนื่องจากตลาดยังคงจับตาเสถียรภาพในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทย สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในยุโรป ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ "Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อ ที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL KTB KBANK HMPRO GLOBAL BCH CHG SPRC STANLY AH ONEE HTC TNP

2. หุ้นที่ INVX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP BJC OSP

3. สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งต้องการเก็งกำไรระยะสั้นในประเด็นการเจรจาเพดานหนี้สหรัฐได้ข้อสรุปแนะนำ DELTA PTTEP BCP

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับหุ้นที่มีความเสี่ยงหรือปัจจัยลบกดดันราคาหุ้น ดังนี้ 

1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่

2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัย จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่ม ขนส่งพัสดุ(KEX) กลุ่มอาหาร (CPF ZEN GFPT TU AU CENTEL) กลุ่มอสังหาฯ (LPN PSH SIRI QH AP) และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA KCE) 

3) หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform เลือก AAV SAWAD MST NRF

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL คาดไตรมาส 2/2566 กำไรปกติจะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายที่ดีขึ้น ทั้งธุรกิจ CVS และ MAKRO แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ครึ่งหลังปี 2566 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ MAKRO เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.

BDMS คาดไตรมาส 2/2566 กำไรปกติจะเติบโต YoY เนื่องจากพัฒนาการในตลาดต่างประเทศใหม่ๆ จะช่วยสนับสนุนให้กำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ทั้งปี 2566 คาดกำไรปกติที่ 1.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 12%YoY