posttoday

ผ่างบ"ตระกูล PTT"กำไร Q2/66 ตัวไหนว้าวที่สุด

29 พฤษภาคม 2566

จัดว่าเด็ด!! ผ่างบ "7 หุ้น ตระกูล PTT" กำไรไตรมาส 2/2566 ตัวไหนว้าวที่สุด พร้อมคัดให้ 2 หุ้นดียืนหนึ่งของตระกูล

"ตระกูล PTT" ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดและครองมาร์เก็ตแคปส์สูงสุดในตลาดหุ้นไทย นั่นหมายความว่าทุกความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมักจะมีต่อดัชนีตลาดหุ้น ดังนั้นหากเรารู้เท่าทันทิศทางการเติบโตและตกต่ำ ย่อมเปิดโอกาสการหาจังหวะลงทุนได้เช่นกัน 

แต่ก่อนอื่นเรามารู้ก่อนว่า "ตระกูล PTT" หลักๆมีหุ้นอะไรบ้าง แน่นอนว่าต้องมี PTT รองลงมาคือ PTTEP, TOP, IRPC, PTTGC, GPSC และ OR จากรายชื่อดังกล่าวจะเห็นว่าธุรกิจหลักๆเกี่ยวข้องกับน้ำมัน ดังนั้นเราจึงแยกมาชัดๆอีกว่าหุ้นปิโตรเลียมและปิโตรเคมี ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มีอะไรบ้าง? 

แน่นอนว่า 1.หุ้นต้นน้ำ คือ กลุ่มวัตถุดิบตั้งต้น(Feedstock) อย่าง PTTEP 2.หุ้นกลางน้ำ คือ กลุ่มโรงกลั่น(Refinery) คือ PTT, TOP, IRPC, PTTGC และ 3.หุ้นปลายน้ำ คือ กลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย อย่าง ผู้จำหน่ายน้ำมันและก๊าซ คือ OR ขณะที่ PTTGC จัดเป็นหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นกลางและขั้นปลาย จำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เม็ดพลาสติก เส้นใย ยาง สารเคมี เป็นต้น

7 หุ้นต้องสแกน

"เอกรินทร์ วงษ์ศิริ" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เล่าว่า "กลุ่ม PTT" หากมองเฉพาะไตรมาส 2/66 หุ้นที่ดูดีและน่าสนใจในช่วงนี้คือกลุ่มปั้มน้ำมันเป็นหลัก นั่นก็คือ "OR" เนื่องจากหุ้นโรงกลั่นในช่วงไตรมาส 2/66 เมื่อเทียบไตรมาส 1/66 ได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่น(Gross Refining Margin : GRM) ที่เริ่มปรับตัวลดลง 3-4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 

ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เน้นตัวที่มีโรงกลั่น นั่นก็คือ TOP,  IRPC, PTTGC กำไรในไตรมาส 2/66 น่าจะปรับตัวลดลง อย่าง "บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP" ไตรมาส 1/66 กำไรฟื้นมาแตะ 4,000-4,500 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/66 หากไม่มี Stock Loss คาดกำไรอาจจะลดลงเหลือ 3,000 ล้านบาท ลดลง 88%

ส่วนปีนี้ คาดกำไรสุทธิ 17,000 ล้านบาท แต่ ลดลง 46% จากปี 65 เพราะรับรู้กำไรจากการขายหุ้น GPSC แต่หากกำไรปกติ(ไม่รวม Stock Loss / Stock Gain) ปี65 ทำได้ 20,000 ล้านบาท ยังถือว่าสูงจากค่าการกลั่น 20-30 เหรียญฯช่วงต้นปีที่ผ่านมากำลังพีคจากช่วงสงครามรัสเซียยูเครน

โรงกลั่นอาการน่าห่วง

"บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC" มองไตรมาส 2/66 ขาดทุน 1,000 ล้านบาท ทั้งปีคาดกำไร 2,500 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องรอลุ้นในช่วงครึ่งหลังของปี66 โอกาสที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีโอกาสกลับมาได้หรือไม่ เพราะจากแนวโน้มทั้งปี 66นี้คาดธุรกิจปิโตรเคมีจะกลับมาดีเกือบทั้งหมดเมื่อเทียบปีที่ผ่านมา โดยให้ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท 

และ "บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC" ในไตรมาส 1/66 พลิกกลับมามีกำไร 100-300 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/66 อาจขาดทุน 1,000 ล้านบาท ส่วนทั้งปี66 เดิมคาดมีกำไรแต่ตอนนี้มองว่าอาจจะขาดทุนลดลง 2,000-3,000 ล้านบาท จากปี 65 ขาดทุน 8,000 ล้านบาท ซึ่งโดนเรื่อง Hedging กดดันค่อนข้างมาก ดังนั้นปีนี้คาดปิโตรเคมีดีขึ้นแต่ยังขาดทุน 3,000-4,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องรอดูในช่วงครึ่งปีหลังว่าสถานการณ์ต่างๆจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่ 

"หุ้นโรงกลั่นในไตรมาส 2 อาจขาดทุนจากค่าการกลั่น แต่ยังไม่รวม Stock Loss เพราะหากดูราคาน้ำมันในช่วงต้นไตรมาส 2 เกือบ 80 เหรียญฯ แต่ถ้าเทรนด์ราคาน้ำมันยังไม่กลับไปยืนระดับ 85 เหรียญฯต่อบาร์เรล มีโอกาสที่จะ Stock Loss ดังนั้นหากรวมขาดทุนจากสตอคน้ำมันมีโอกาสที่ TOP จะมีกำไรเพียง 1,000 ล้านบาท ส่วน IRPC , PTTGC อาจจะเห็นขาดทุน"

ก๊าซวูบฉุดQ2

"บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP" มองว่าในช่วงไตรมาส 2/66 อาจจะอ่อนตัวลง เพราะเรื่องราคาก๊าซมีโอกาสปรับตัวลดลง เพราะสัญญาจะมีการปรับเดือน เม.ย. มีบางส่วนที่ทำให้ราคาก๊าซปรับลดลง เพราะราคาก๊าซอิงราคาน้ำมัน 6 เดือนย้อนหลัง หากจำได้คือราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี65 ซึ่งจะ Hedgingในไตรมาส 2/66 น่าจะเห็นภาพชัด ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/66 ทำผลงานออกมาได้ดีมีกำไร 19,000 ล้านบาท ถ้ามองภาพไตรมาส 2/66 บนสมมุติฐานราคาก๊าซลดลงมีโอกาสที่จะทำได้ 15,000-16,000 ล้านบาท

ต้นทุนลดหนุน

สำหรับหุ้นของ "บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC" เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่ผลงานไตรมาส 2/66 น่าจะดีขึ้นจากต้นทุนก๊าสลดลง คาดมีกำไร 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% QoQ และเพิ่มขึ้น 90% yoy จากปี 65 มีกำไร 700 ล้านบาท ส่วนทั้งปี 66 คาดกำไร 4,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 370% จากปี 65 มีกำไร 900 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 75 บาท 

OR คือที่สุด Q2

"บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR" มองว่าเป็นหุ้นตัวเดียวที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 ค่อนข้างดีกว่าไตรมาส 1/66 ผลจากค่าการตลาดปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)มีการปรับค่าการตลาดกลับสู่ภาวะปกติ เริ่มมีผลช่วงกลางเดือน ก.พ. ดังนั้นไตรมาส 1/66 ยังได้รับไม่เต็มที่ แต่ไตรมาส 2/66 มีการใช้ราคาค่าการตลาดที่ปรับขึ้นมาแล้ว ดังนั้นไตรมาส 2/66 คาดมีกำไร 3,200-3,300 ล้านบาท ดีกว่าไตรมาส 1/66 ที่มีกำไร 2,900 ล้านบาท 

แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/65 ที่มีกำไร 6,500 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างอู้ฟู่ อานิสงส์วิกฤติรัสเซียยูเครนใหม่ๆดันราคาขึ้นสูงสุดแบบผิดปกติ ซึ่งตามจริงการที่ OR มีกำไร 3,000-4,000 ล้านบาทถือเป็นระดับที่ค่อนข้างปกติ ส่วนทั้งปีนี้คาดกำไร 13,000 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท ทั้งนี้ราคาหุ้น OR ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเพราะเงินสดในมือจำนวนมาก ยังไม่ได้ลงทุนโครงการใหญ่ๆ 

ลูกกตัญญู

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าหุ้นของ "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" ได้ลูกๆดี หนุนผลงานในไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 27,000 ล้านบาท แต่ในช่วงไตรมาส 2/66 ธุรกิจหลักของ PTT ถือว่าดี แต่เมื่อนำมาถัวเฉลี่ยกับธุรกิจของลูกๆที่ได้รับแรงกดดันจากราคาก๊าสและค่าการกลั่นมีโอกาสปรับตัวลดลง ส่งผลให้ PTT มีโอกาสกำไรไตรมาส 2/66 เพียง 23,000-25,000 ล้านบาท ลดลง 10-15% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 23% YoY ให้ราคาเหมาะสม 36.50 บาท

ผ่างบ"ตระกูล PTT"กำไร Q2/66 ตัวไหนว้าวที่สุด

คัดให้ 2 หุ้นเลิฟ

โดยสรุป หุ้นที่ดีที่สุดของกลุ่ม PTT คือ 1.หุ้น OR จากค่าการตลาดที่ยืนแข็งแกร่ง ส่วนโรงกลั่นได้รับผลกระทบจากค่าการกลั่น(GRM)ที่ปรับลดลง และอาจจะมีเรื่องของ Stock Loss และ 2.หุ้นโรงไฟฟ้า GPSC เพราะกำไรมีการเติบโตทั้ง QoQ และ YoY หากราคาปรับตัวลดลงแนะนำซื้อสะสมได้ 

แต่ทั้งนี้ต้องรอดูนโยบายภาครัฐว่าจะมีนโยบายอะไรที่มากดดันหรือไม่ อย่างปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าปั้มน้ำมันได้รับผลกระทบจากนโยบายลดค่าการตลาดและตรึงราคาน้ำมัน เป็นต้น

ดังนั้น สิ่งที่ต้องติดตามคือการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของรัฐบาลว่าจะออกมาในรูปแบบไหน นี่คือความเสี่ยงหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่ในช่วงไตรมาส 2/66 คาดว่ายังไม่มีนโยบายอะไรที่มากดดันในช่วงสั้น