posttoday

"หุ้นหลบภัย"เลือกแบบไหน?ได้หุ้นดียืนหนึ่งแบบ"ดร.นิเวศน์"

13 พฤษภาคม 2566

เบิกเนตร!! ผ่ากฏเหล็กเลือก "หุ้นหลบภัย" ได้หุ้นดี ปลอดภัย-ไร้เสี่ยง แบบฉบับ "ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร"วีไอเบอร์หนึ่งเมืองไทย

ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤต หรือตกอยู่ในสภาวะที่อึมคลึม ฟ้าหม่นหมองเสมือนฝุ่น PM 2.5 พุ่งแรงแตะขีดสุด คลำหาทางออกแทบไม่เห็น เมื่อความไม่ชัดเจนและความกลัวที่คืบคลานเข้ามา เมื่อนั้น!! สิ่งที่นักลงทุนมักจะมองหาทางออกเพื่อความอยู่รอดของพอร์ตลงทุนไม่ให้เสี่ยงหนัก หนีไม่พ้น"หุ้นหลบภัย"คือคำตอบสุดท้ายที่มักจะตอบโจทย์อยู่เสมอ 

ว่าแต่.."หุ้นหลบภัย"ที่ใช้ได้กับทุกวิกฤติแท้จริงนั้นคือแบบไหน? ใช่หุ้นที่ทุกคนเฮกันไปซื้อหรือเปล่า? หรือ มีหลักการคัดสรรแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่านี่แหละหุ้นหลบภัยที่แท้ทรู!!!

"ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร"นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า(Value Investor) มือหนึ่งในไทย เล่าให้ฟังว่า ส่วนตัวมองว่าหุ้นหลบภัยที่ดีก็คือหุ้นแนว Deep Value ซึ่งเน้นหุ้นที่มีราคาถูกมาก และต้องมี Margin of Safety หรือส่วนเผื่อความปลอดภัยสูงมากๆ ถือเป็นหุ้นที่ไม่ผันผวนมากและอิงกับภาพใหญ่ของประเทศ หมายความว่าอิงการบริโภค คนส่วนใหญ่ครึ่งค่อนประเทศจำเป็นต้องกินต้องใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทไม่ค่อยผันผวนมาก มีราคาถูก และปันผลค่อนข้างดี 5-6% ถือว่าคุ้มค่าที่จะถือ ซึ่งถ้าหุ้นที่เข้าข่าย 3ประเด็นนี้หากซื้อลงทุนราคามักจะไม่ค่อยลง แต่ถ้ายังไม่มีก็ต้องรอจังหวะที่ได้ราคาถูก นาทีนี้ส่วนตัวก็เน้นหุ้นแนวนี้เป็นหลัก

ถามว่า.. หุ้น Deep Value ในตลาดตอนนี้ยังมีให้เลือกหรือไม่?

คำตอบคือมีเยอะมากที่เข้าธีมนี้ ซึ่งมักจะเป็นหุ้นพวกค้าปลีก, อาหารที่จำเป็น, บริการที่จำเป็น, สถาบันการเงิน และธุรกิจที่ค่อนข้างอยู่ตัวที่อาจมีความอิ่มตัวแต่ว่าธุรกิจยังไม่ตายและยังมีความต้องการที่ไม่ลดลงแต่อาจไม่ค่อยโต รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ก็เข้าข่ายธีมนี้เช่นกัน เพราะให้ปันผลสูงมาก ด้วยความที่เป็นหุ้นที่ไม่ค่อยมีคนเล่นมานานและปันผลดีมานาน การดำเนินธุรกิจไม่ได้เลวร้ายยกเว้นพวกสถาบันการเงินอาจจะมีปัญหาเรื่องหนี้เสีย แต่อย่างอื่นเท่าที่ดูธุรกิจยังคงไปได้เรื่อยๆ

เพียงแต่ต้องหาตัวที่มีราคาถูกมากๆ หุ้นที่ราคาอาจจะยังไม่ไปไหนหรืออาจจะปรับตัวขึ้นมาบ้าง แต่ด้วยราคายังถูกมาก ปันผล 6-7% ถือว่ายังใช้ได้สามารถเก็บไว้กินปันผล อย่างพวกหุ้นค้าปลีกมองว่ามีความมั่นคงใช้ได้ หรือหุ้นสื่อสารและแบงก์ใหญ่ๆที่มีความมั่นคง มีการให้บริการที่ครอบคลุมการเงินทั้งหมดและมีการบริหารหนี้เสียในระดับที่รับได้ เป็นต้น

วิกฤติ Bank Run ต่างประเทศจะลุกลามแบงก์ไทย หรือไม่? 

ผมว่าเมืองไทยตอนนี้ยังไม่เห็นอะไรที่จะวิกฤติเพราะไม่เหมือนอเมริกาที่อาจจะมีสถาบันการเงินที่กำลังแย่ แต่สถาบันการเงินเมืองไทยค่อนข้าง Conservative (อนุรักษ์นิยม) แบงก์ไทยยังไม่ขยายตัวมากและมีกำไรดี หนี้เสียยังคุมได้และตั้งสำรองมานาน แต่พวกสถาบันการเงินที่เป็นลิสซิ่งอาจจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นอยู่กับบุคคลธรรมดาที่เครดิตเรตติ้งไม่สูงก็อาจจะมีปัญหา แต่แบงก์ใหญ่มีการกระจายการลงทุนเยอะ แหล่งรายได้หลายทิศทาง ทั้งประกันชีวิต ประกันภัย หลักทรัพย์ บริหารการลงทุน เป็นต้น ถือว่ากระจายความเสี่ยงได้ดี

ซึ่งจะไม่เหมือนบริษัทลิสซิ่งที่อาจจะขยายตัวเร็ว โดยเฉพาะถ้าให้บริการที่มีเรตติ้งไม่ค่อยดี เร่งขยายตัวและกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงทั้งหลายซึ่งแบบนี้อันตราย มักจะมีปัญหา แต่ว่าแบงก์ใหญ่ถือว่าดี หากดูจากการประกาศงบของแต่ละแบงก์ออกมาดี ปันผลดีมาก พีอีต่ำกว่า 10 เท่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่าถือเป็นเป็นแนว Value ไม่ใช่แนว Growth นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นเท่าที่ประเมินมีกิจการหลายอย่างยังพอไปได้ เศรษฐกิจเริ่มดี พวกรีเทลได้ประโยชน์ 

กล่าวโดยสรุปก็คือ เลือกหุ้นดี ราคาถูก มีปันผลสูง ที่ต้องดูรายละเอียดง่ายๆ ก็คือ 

1.หุ้นที่มีค่า P/E (ราคาต่อหุ้น(Price)หารด้วย กำไรต่อหุ้น(EPS)) ต่ำกว่า 10 เท่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นธุรกิจแบบไหน อย่างพวกค้าปลีก พี/อี ต่ำกว่า 10 เท่าคงเป็นไปไม่ได้ เพราะในประวัติมีพีอี 20 เท่า หรือ 30 เท่า ดังนั้นอาจต้องดูเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม แต่ในมุมมองส่วนตัวถ้าได้หุ้นพีอีต่ำว่า 10 เท่าถือว่าดีมาก

2.จ่ายปันผลมากกว่า 5% เพราะปันผลช่วยสะท้อนภาพกิจการได้ดี หลอกไม่ได้ ถ้าคุณไม่มีเงินสดคุณก็อาจจะไม่ใช่หุ้นถูกจริง

3. P/BV (Price/Book Value) คือ อัตราส่วนราคาตลาดของหุ้นหารกับมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น เพื่อดูว่าราคาหุ้น ณ เวลานั้นแพงหรือถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชีของส่วนของเจ้าของ ซึ่งส่วนตัวอยากให้ P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า นั่นหมายความว่าราคาหุ้นถูกกว่ามูลค่าทางบัญชี ถ้ามีหุ้นแนวนี้ถือว่าสบายและมีความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น

และ 4.การดำเนินงานต้องสม่ำเสมอ ไม่ใช่ขึ้นๆลงๆ อาทิ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาน้ำมันบางครั้งขึ้นๆลงๆเอาแน่นอนไม่ได้ กำไรขาดทุนบางทีขึ้นอยู่กับราคาที่ผันผวน แต่ถ้าเราไปดูพวกสินค้าอุปโภคบริโภคพวกนี้ราคาไม่ได้ผันผวนมาก ราคาอาจจะค่อยๆปรับขึ้นไปได้เรื่อยๆ หรือ ทรงตัวแต่ไม่ค่อยลดลง ซึ่งจะช่วยให้ความเสี่ยงที่การดำเนินงานออกมามีกำไรที่ผิดคาดเยอะๆจะไม่ค่อยมี

"ดังนั้นเล่นแบบเน้นหุ้นราคาถูก ปันผลเยอะๆจะช่วยให้อยู่รอดปลอดภัยและที่ผ่านมานับตั้งแต่ต้นปีหุ้นแนวนี้ก็ถือว่าใช้ได้ ไม่ค่อยทำให้เสียหายหนักเหมือนหุ้นบางกลุ่มที่ราคาร่วงลงมา 30-50% ทำให้เจ๊งไปตามๆกันซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นหุ้นที่ถูก Corner รองลงมาคือหุ้น Growth ตอนนี้ถือว่ายิ่งเสี่ยง ดังนั้นคัดหุ้นแนว Deep Value ถือว่าปลอดภัย ไม่เสี่ยง"