posttoday

SGP พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี

02 กุมภาพันธ์ 2566

สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ ("SGP") ผู้นำในการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี เสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) ระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2566 ให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) อายุหุ้นกู้ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.30% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน คาดว่าเสนอขายระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเตรียมชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนนี้ 

 

ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เสนอขายผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย 5 แห่ง  ประกอบด้วย  ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด

 

SGP ผู้นำธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง มีระบบการขนส่งทั้งทางรถและทางเรือ เพื่อใช้ในการจัดส่งอย่างรวดเร็ว และมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ ในส่วนของธุรกิจก๊าซแอลพีจีในต่างประเทศ บริษัทฯ มีคลังก๊าซแอลพีจีในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม และลาว ที่ใช้ในการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีทั่วภูมิภาคเอเชีย 

 

นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจอื่นๆที่นอกเหนือจากก๊าซแอลพีจี ประกอบไปด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าจำนวน 2 แห่ง ในประเทศเมียนมา มีกำลังการผลิต 230 เมกะวัตต์ และ 10 เมกะวัตต์ ตามลำดับ และอีกธุรกิจคือธุรกิจให้บริการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือน้ำลึก อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง

 

สำหรับหุ้นกู้ที่จะจำหน่ายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ "BBB+" แนวโน้ม Stable จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยอันดับความน่าเชื่อถือจะสะท้อนถึงสถานะของบริษัทฯ ในการเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวรายใหญ่ในประเทศไทย รวมถึงการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และมีฐานลูกค้าที่กระจายตัวอย่างกว้างขวาง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตในตลาดต่างประเทศ

 

ในส่วนของผลดำเนินงานในงวด 9 เดือน ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขาย ขนส่ง และให้บริการเป็นจำนวนเงิน 75,902.58 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาก๊าซ LPG เฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณขายที่สูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากที่ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศทำให้ปริมาณการใช้ LPG เพิ่มสูงขึ้น ทั้งภาคขนส่งและภาคครัวเรือน ทั้งนี้ในส่วนของผลกำไรสุทธิของบริษัท ในงวด 9 เดือน ปี 2565 อยู่ที่ 1,111.43 ล้านบาท